คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุ 4 ปี ไปจากมารดาผู้ปกครอง และ หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เยาว์ไว้เพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่เป็นความผิดหลายบท คือตามมาตรา 313 ประกอบด้วยมาตรา 316 บทหนึ่งและตามมาตรา 317 อีกบทหนึ่ง มิใช่เป็นความผิดหลายกรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันพรากและเอาตัวเด็กชายเอกอายุ 4 ปีเศษ ไปจากนางอำนวยมารดาผู้ปกครองดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควร เพื่อหากำไรและหน่วงเหนี่ยวกักขังกระทำให้เด็กชายเอกปราศจากเสรีภาพในร่างกาย แล้วมีหนังสือข่มขืนใจนางอำนวยมารดาและจ่าสิบเอกดุลย์วิทย์บิดาให้ยอมให้เงินหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทภายใน 3 วัน ถ้าขัดขืนไม่ให้เงินจะฆ่าเด็กชายเอก เพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ แต่การกระทำไม่บรรลุผลเพราะนางอำนวยถูกข่มขืนใจไม่ยอมจ่ายเงินเช่นว่านั้น จำเลยกับพวกจึงไม่ได้ทรัพย์สินตามที่กรรโชก ต่อมาจำเลยกับพวกได้ปล่อยตัวเด็กชายเอกกลับบ้าน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310, 313, 317, 337, 80, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 11, 12

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันพรากเด็กชายเอกไปจากผู้ปกครองโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย และเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ แต่จำเลยได้ปล่อยตัวเด็กชายเอกกลับบ้านโดยไม่ปรากฏว่าได้รับอันตรายอย่างใดปรับบทได้ตามมาตรา 316 ส่วนความผิดตามมาตรา 310 และ 317 มีองค์ประกอบอยู่ในมาตรา 313 อยู่ในตัว จึงไม่เป็นความผิดตามมาตราดังกล่าวอีก พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ข้อ 11ประกอบด้วยมาตรา 316 และผิดตามมาตรา 317 อีกกระทงหนึ่ง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยกระทำผิดจริง แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายบทคือ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 11 ประกอบด้วยมาตรา 316 บทหนึ่ง และตามมาตรา 317 อีกบทหนึ่ง มิใช่เป็นความผิดหลายกรรม

พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 313 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 11 ประกอบด้วยมาตรา 316 และผิดมาตรา 317 ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 313 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด

Share