คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2246/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเดินทางออกจากประเทศไทยไปประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาเล่าเรียนตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2512 และกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2515 โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าจ้างว่าความจากจำเลย เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2514 จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัด รายงานของเจ้าพนักงานเดินหมายระบุว่าได้ส่งคำบังคับให้จำเลยรับ ในวันที่ 3 สิงหาคม 2519 เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ในวันที่ 16 สิงหาคม 2519 จึงไม่เกินกำหนดตามกฎหมาย จำเลยมีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทั้งสองให้เป็นทนายความฟ้องคดีอาญา ตกลงให้ค่าจ้างเป็นเงิน ๒๑๘,๗๕๐ บาท กำหนดชำระเงินค่าจ้างเมื่อคดีถึงที่สุด หรือเมื่อคดียอมความกันแล้ว โจทก์ดำเนินการแล้ว ต่อมาจำเลยถอนฟ้องคดีดังกล่าวโดยอ้างว่าประนีประนอมยอมความกันได้ ศาลอนุญาตให้ถอนฟ้อง เมื่อคดีถึงที่สุด โจทก์ทวงถามเงินค่าจ้าง จำเลยผัดผ่อน จึงขอให้ศาลบังคับ-จำเลยชำระค่าจ้างพร้อมดอกเบี้ยรวม ๒๕๑,๕๐๐ บาท และ ดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน ๒๑๘,๗๕๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าจ้าง ๒๑๘,๗๕๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๑๒ จนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยเสียค่าฤชาธรรมเนียมค่าทนายความแทนโจทก์
เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๑๙ ศาลชั้นต้นออกคำบังคับเพื่อส่งให้แก่จำเลย
ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนักพิจารณา ขอศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ดำเนินการพิจารณาคดีใหม่ โดยให้จำเลยยื่นคำให้การภายใน ๘ วัน นับแต่วันคำสั่งถึงที่สุด
โจทก์ที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว จำเลยมีหนังสือเดินทางเอาสารหมาย ล. ๑ แสดง และเจ้าพนักงานกองตรวจคนเข้าเมืองเบิกความประกอบว่าจำเลยเดินทางออกจากประเทศไทยไปประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๑๒ และกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ ทั้งตัวจำเลยเบิกความยืนยันว่า ตลอดเวลาดังกล่าวจำเลยศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เชื่อได้ว่าเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๑๔ ที่จำเลยถูกฟ้องคดีนี้ จำเลยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัด อนึ่ง ปรากฏตามรายงานของเจ้าพนักงานเดินหมาย ลงวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๑๙ และใบรับคำบังคับท้ายรายงานนั้นระบุว่า ได้ส่งคำบังคับให้จำเลยรับในวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๑๙ เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๑๙ จึงไม่เกินกำหนดตามกฎหมาย ดังนั้น จำเลยมีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ที่ ๑ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share