แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยชำระดอกเบี้ยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจ ทั้งที่รู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระ จำเลยจึงไม่อาจเรียกร้องคืนหรือให้นำมาหักหนี้ที่จำเลยค้างชำระอยู่ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 407
เมื่อจำเลยชำระหนี้ครั้งที่ 6 จำนวน 250,000 บาท จึงต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวไปหักชำระดอกเบี้ยและต้นเงินที่ค้างชำระในวันที่ 16 พฤษภาคม 2540 การที่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดให้นำเงินไปหักในวันดังกล่าว แต่กลับให้นำไปหักจากต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยที่คำนวณได้ในวันที่จำเลยชำระเสร็จ จึงขัดกับ ป.พ.พ. มาตรา 329 วรรคหนึ่ง ทำให้จำเลยต้องชำระหนี้ดอกเบี้ยมากกว่าที่ควรเพราะความรับผิดของดอกเบี้ยจะมากหรือน้อย ย่อมแปรผันไปตามจำนวนต้นเงิน กล่าวคือ ถ้าต้นเงินมาก ดอกเบี้ยที่จะต้องชำระก็มาก หากต้นเงินน้อย ดอกเบี้ยก็จะน้อย
แม้เช็คพิพาท มีหนี้ในส่วนที่เป็นโมฆะรวมอยู่ด้วย โจทก์ยังมีสิทธิเรียกร้องต้นเงินอันเป็นหนี้ประธานที่สมบูรณ์แยกออกจากส่วนที่เป็นโมฆะได้ มิใช่เช็คพิพาทตกเป็นโมฆะทั้งหมดโจทก์จึงมีสิทธินำเช็คดังกล่าวฟ้องจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาปากช่อง เพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำไปเรียกเก็บเงินธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์ ๖๙๑,๙๖๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟัองจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๓๙ จำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท คิดดอกเบี้ยแบบทบต้นในอัตราร้อยละ ๑๖ ต่อปี และจำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๑๒๘๒ ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นประกันการชำระหนี้ดังกล่าว จำเลยได้รับเงินกู้ไปเพียง ๘๕๔,๕๑๖.๓๕ บาท และได้ชำระหนี้ต้นเงิน แก่โจทก์เสร็จแล้ว ส่วนเช็คพิพาทจำเลยสั่งจ่ายเป็นการชำระดอกเบี้ยเงินกู้ที่คิดแบบทบต้นและเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นหนี้อันเกิดจากโมฆะกรรม จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกนายกรุงศรี จั่นบำรุง เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยร่วมให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยเคยเป็นหนี้เงินยืมโจทก์แต่ชำระเสร็จแล้ว เช็คพิพาทหากออกเพื่อชำระหนี้ก็เป็นการชำระหนี้ดอกเบี้ยเกินอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ที่โจทก์เรียกจากจำเลยเป็นการอันไม่ชอบด้วยกฎหมายตกเป็นโมฆะ จำเลยร่วมไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์และไม่ได้มอบให้จำเลยออกเช็คแทนจำเลยร่วมเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์จำเลยร่วมไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ ๘๔๔,๐๔๙.๖๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๘๑๐,๕๓๔.๓๕ บาท นับแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ และของต้นเงิน ๑๖,๖๕๒ บาท นับแต่วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้นำเงิน ๒๔๐,๐๐๐ บาท ไปหักจากเงินจำนวนที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ ๕,๐๐๐ บาท ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยร่วม
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยร่วมโดยกำหนดค่าทนายความ ๕,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๔,๐๐๐ บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้โจทก์จะเบิกความยอมรับว่ามีการคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๖ ต่อปี จากจำเลย อันเป็นการคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก่อนที่จำเลยจะชำระหนี้ด้วยเช็คพิพาท จำเลยเคยชำระหนี้ให้โจทก์มาแล้วรวม ๖ ครั้ง เป็นการชำระเพื่อไถ่ถอนจำนอง ๕ ครั้ง ซึ่งการชำระหนี้แต่ละครั้งไม่พอที่จะเปลื้องหนี้สินได้ทั้งหมด จึงต้องหักชำระดอกเบี้ยที่ค้างทั้งหมดไปก่อนที่จะชำระต้นเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๒๙ วรรคหนึ่ง การที่จำเลยชำระดอกเบี้ยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจทั้งที่รู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระ จำเลยจึงไม่อาจเรียกร้องคืนหรือให้นำมาหักหนี้ที่จำเลยค้างชำระอยู่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๐๗ แต่อย่างไรก็ตาม แม้การชำระหนี้ครั้งที่ ๖ จะเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจในส่วนที่เกี่ยวกับดอกเบี้ยทบต้นอัตราร้อยละ ๑๖ ต่อปี แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้คิดดอกเบี้ยเพียงอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๘๑๐,๕๓๔.๓๕ บาท นับแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ อันเป็นวันที่จำเลยชำระหนี้ครั้งที่ ๕ โดยเห็นว่าดอกเบี้ยที่ค้างชำระโจทก์นำไปคิดทบต้นในอัตราร้อยละ ๑๖ ต่อปี ในส่วนดอกเบี้ยหลังจากวันดังกล่าวจึงเป็นโมฆะทั้งหมดนั้น โจทก์ก็มิได้อุทธรณ์คัดค้าน กรณีจึงต้องคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๘๑๐,๕๓๔.๓๕ บาท นับตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ซึ่งคิดถึงวันที่จำเลยชำระหนี้ครั้งที่ ๖ คือวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๔๐ เป็นดอกเบี้ย ๓๐,๗๓๒.๗๕ บาท เมื่อจำเลยชำระหนี้ครั้งที่ ๖ จำนวน ๒๔๐,๐๐๐ บาท จึงต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวไปหักชำระดอกเบี้ยและต้นเงินที่ค้างชำระในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๔๐ ก่อนตามมาตรา ๓๒๙ วรรคหนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดให้นำเงินจำนวน ๒๔๐,๐๐๐ บาท ไปหักในวันดังกล่าว แต่กลับให้นำไปหักจากต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยที่คำนวณได้ในวันที่จำเลยชำระเสร็จ จึงขัดกับมาตรา ๓๒๙ วรรคหนึ่ง ทำให้จำเลยต้องชำระหนี้ดอกเบี้ยมากกว่าที่ควรเป็นการไม่ถูกต้อง เพราะความรับผิดของดอกเบี้ยจะมากหรือน้อยย่อมแปรผันไปตามจำนวนต้นเงิน กล่าวคือ ถ้าต้นเงินมากดอกเบี้ยที่จะต้องรับผิดย่อมมากหากต้นเงินน้อยดอกเบี้ยก็จะน้อย ถ้านำไปหักตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๔๐ ต้นเงินจากวันดังกล่าวก็ไม่ถึง ๘๑๐,๕๓๔.๓๕ ดอกเบี้ยที่จะต้องชำระก็น้อยลงด้วย อนึ่งในส่วนคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่กำหนดให้จำเลยรับผิดในดอกเบี้ยของต้นเงิน ๑๖,๖๕๒ บาท นับแต่วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ นั้น เป็นการพิพากษาไม่ตรงกับส่วนที่วินิจฉัยและไม่ตรงตามทางนำสืบของโจทก์ ในส่วนนี้เมื่อดูตามเอกสารหมาย จ.๑๒ และคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นแล้ว ต้นเงินดังกล่าวต้องคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๐ เป็นต้นไป เมื่อคำนวณยอดหนี้ทั้งหมดดังที่วินิจฉัยดังกล่าวแล้ว ณ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๔๐ จำเลยเป็นหนี้ต้นเงินโจทก์เพียง ๖๓๔,๗๘๒.๔๐ บาท เมื่อคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ถึงวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๔๐ อันเป็นวันที่จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทคิดเป็นดอกเบี้ย ๒,๖๐๘.๖๙ บาท รวมเป็นต้นเงินและดอกเบี้ยที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์จำนวน ๖๓๗,๓๙๑.๐๙ บาท จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทจำนวน ๖๙๑,๙๖๐ บาท จึงมีจำนวนที่จำเลยไม่ต้องรับผิดรวมอยู่ด้วยแต่แม้เช็คพิพาทมีหนี้ในส่วนที่เป็นโมฆะรวมอยู่ด้วย โจทก์ยังมีสิทธิเรียกร้องต้นเงินอันเป็นหนี้ประธานที่สมบูรณ์แยกออกจากส่วนที่เป็นโมฆะได้ มิใช่เช็คพิพาทตกเป็นโมฆะทั้งหมด โจทก์จึงมีสิทธินำเช็คดังกล่าวฟ้องจำเลยได้ โดยจำเลยต้องรับผิดชำระหนี้ตามเช็คพิพาทเพียงจำนวน ๖๓๗,๓๙๑.๐๙ บาท เท่านั้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๖๓๗,๓๙๑.๐๙ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
นางสุรีพร อัชฌานนท์ ผู้ช่วยฯ
นายเจษฎา ชุมเปีย ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายกีรติ กาญจนรินทร์ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ