คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3511/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ย่อมผูกพันคู่ความตามนั้น และแม้สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจะถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษาก็ตาม แต่การจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้ก็ต่อเมื่อเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 143 วรรคหนึ่งเท่านั้น แต่ข้อที่โจทก์หรือจำเลยทั้งสองขอเพิ่มนั้นเป็นการเพิ่มเติมหมายเลขโฉนดที่ดิน สำหรับที่ดินอีก 1 แปลง เข้ามาใหม่ กรณีจึงมิใช่ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยที่ศาลมีอำนาจแก้ไขได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสอง
โจทก์และจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแก้ไขสัญญาประนีประนอมยอมความเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๔๒ อ้างว่า ในการพิมพ์สัญญาประนีประนอมยอมความมิได้ระบุโฉนดที่ดินเลขที่ ๕๗๐๓ ไว้ด้วย จึงขอเพิ่มเติมแก้ไขสัญญาประนีประนอมยอมความโดยเติมโฉนดที่ดินเลขที่ ๕๗๐๓ ในสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ ๕ และให้โจทก์กับจำเลยทั้งสองลงลายมือชื่อกำกับต่อหน้าศาล เพื่อให้ถูกต้องตรงตามเจตนาของคู่ความ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การขอแก้ไขตามคำร้องเป็นการแก้ไขในส่วนสำคัญทั้งไม่มีกฎหมายให้อำนาจศาลทำการแก้ไขได้
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ย่อมผูกพันคู่ความตามนั้น และแม้สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจะถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษาก็ตาม แต่การจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้ก็ต่อเมื่อเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๓ วรรคหนึ่ง เท่านั้น แต่ข้อที่โจทก์และจำเลยทั้งสองขอเพิ่มนั้น เป็นการเพิ่มเติมหมายเลขโฉนดที่ดิน สำหรับที่ดินอีก ๑ แปลงเข้ามาใหม่ ซึ่งผิดไปจากเดิม กรณีจึงมิใช่ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยที่ศาลมีอำนาจแก้ไข โจทก์และจำเลยทั้งสองจึงไม่อาจขอแก้ไขได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

นายสมจิตร์ ทองศรี ผู้ช่วย
นางสาวสุดรัก สุขสว่าง ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายชัยรัตน์ เบ็ญจะมโน ผู้ช่วยฯ/ตรวจ

Share