แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยแถลงต่อหน้าศาลว่าได้รับเงินจากโจทก์ 400,000 บาท ต่อมาจำเลยจะมาอ้างว่าแถลงด้วยความพลั้งเผลอไม่ได้เพราะกระบวนพิจารณาดังกล่าวได้ทำในศาลต่อหน้าโจทก์และจำเลย
บันทึกข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ระบุให้จำเลยไม่ต้องรับผิดในความเสียหายที่อาจจะมีขึ้นในปัจจุบันหรืออันจะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น มีลักษณะเป็นความตกลงที่ทำไว้ล่วงหน้า จำเลยจะอ้างมาปฏิเสธความรับผิดในกลฉ้อฉลหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยไม่ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 373 จำเลยจึงต้องชำระค่าเสียหายและคืนเงินให้แก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินจำนวน 333,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 333,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 13 พฤษภาคม 2536) เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 4,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 10,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยต้องรับผิดชำระค่าเสียหายและคืนเงินให้แก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ เพียงใด จำเลยฎีกาว่า จำเลยรับเงินไปจากโจทก์เพียง 380,000 บาท และชำระให้บริษัทผู้ขายไปเพียง 230,000 บาท ไม่ใช่รับมาจำนวน 400,000 บาท ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 9 กันยายน 2536 ที่จำเลยแถลงรับตามรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าว เพราะความพลั้งเผลอของจำเลย เห็นว่า ในรายงานกระบวนพิจารณาวันที่ 9 กันยายน 2536 จำเลยแถลงว่าจำเลยได้รับเงินจากโจทก์จำนวน 400,000 บาท แล้วจำเลยจึงอ้างว่าได้แถลงไปด้วยความพลั้งเผลอของจำเลยไม่ได้ เพราะกระบวนพิจารณาดังกล่าวได้ทำในศาลต่อหน้าโจทก์และจำเลย
ส่วนที่จำเลยอ้างว่าจำเลยหลุดพ้นจากหนี้ที่มีต่อโจทก์ตามบันทึกข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยนั้น เอกสารดังกล่าวระบุให้จำเลยไม่ต้องรับผิดในความเสียหายที่อาจจะมีขึ้นในปัจจุบันหรืออันจะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นมีลักษณะเป็นความตกลงที่ทำไว้ล่วงหน้า จำเลยจะอ้างมาปฏิเสธความรับผิดในกลฉ้อฉลหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยไม่ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 373 บันทึกข้อตกลงดังกล่าวจึงไม่ทำให้จำเลยหลุดพ้นจากหน้าที่ที่จำเลยในฐานะตัวแทนของโจทก์ไม่นำเงินของโจทก์ที่ให้นำไปชำระแก่ผู้ขายตามกำหนดเวลาจนผู้ขายริบเงินของโจทก์ที่ได้ชำระไปแล้ว รวมทั้งเงินที่จำเลยต้องคืนให้โจทก์อยู่อีกแต่อย่างใด จำเลยจึงต้องชำระค่าเสียหายและคืนเงินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน ให้จำเลยชำระค่าทนายความชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแทนโจทก์รวม 10,000 บาท.