คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8591/2550

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งห้าร่วมกันเล่นการพนันไฮโลว์ในวันทำงานปกติช่วงเวลาพักเที่ยงภายในลานจอดรถยนต์ในบริเวณที่ทำการของจำเลย เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมโจทก์ทั้งห้าได้พร้อมอุปกรณ์เล่นการพนัน เมื่อโจทก์ทั้งห้าเล่นไฮโลว์อันเป็นการพนันตามบัญชี ก. ท้าย พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 แม้จะเล่นนอกเวลาปฏิบัติงาน แต่เล่นภายในบริเวณบริษัทจำเลย จึงเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยที่ห้ามพนักงานเล่นการพนันภายในบริเวณบริษัทจำเลย และการพนันเป็นสาเหตุแห่งการวิวาทบาดหมาง ชักนำไปสู่การประกอบอาชญากรรมอื่นได้ และมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของจำเลย การฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของโจทก์ทั้งห้าดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่ร้ายแรง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ทั้งห้าได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และมิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

ย่อยาว

คดีทั้งห้าสำนวนนี้ศาลแรงงานกลางสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน โดยให้เรียกโจทก์ทั้งห้าสำนวนว่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 ตามลำดับ และเรียกจำเลยทั้งห้าสำนวนว่า จำเลย
โจทก์ทั้งห้าฟ้องและแก้ไขคำฟ้องใจความทำนองเดียวกันขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์ทั้งห้ากลับเข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างเดิมโดยให้นับอายุงานต่อเนื่อง หรือจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 21,445 บาท โจทก์ที่ 2 จำนวน 12,858.61 บาท โจทก์ที่ 3 จำนวน 8,970.92 บาท โจทก์ที่ 4 จำนวน 8,330.76 บาท โจทก์ที่ 5 จำนวน 7,410 บาท และจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 135,444 บาท โจทก์ที่ 2 จำนวน 101,515.38 บาท โจทก์ที่ 3 จำนวน 56,658.46 บาท โจทก์ที่ 4 จำนวน 52,615.20 บาท โจทก์ที่ 5 จำนวน 17,550 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งห้า
จำเลยทั้งห้าสำนวนให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งห้าอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งห้าเพียงประการเดียวว่า โจทก์ทั้งห้าฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีที่ร้ายแรงหรือไม่ ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2547 ช่วงเวลาพักเที่ยง โจทก์ทั้งห้าร่วมกันเล่นการพนันไฮโลว์ภายในที่ทำการของจำเลย ซึ่งข้อเท็จจริงที่ยุติในชั้นพิจารณาคดีของศาลแรงงานกลางปรากฏว่าในวันดังกล่าวเป็นวันทำงานตามปกติ สถานที่ที่โจทก์ทั้งห้าร่วมกันเล่นไฮโลว์เป็นลานจอดรถยนต์ภายในบริเวณที่ทำการของจำเลย ในวันดังกล่าวเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมโจทก์ทั้งห้าได้พร้อมอุปกรณ์เล่นการพนัน ประกอบด้วยจานเชิง 1 ชุด ลูกเต๋า 3 ลูก และเงิน 115 บาท ต่อมาพนักงานอัยการฟ้องโจทก์ทั้งห้าต่อศาลแขวงสมุทรปราการ โจทก์ทั้งห้าให้การรับสารภาพ ศาลแขวงสมุทรปราการมีคำพิพากษาให้ลงโทษปรับโจทก์ทั้งห้า คดีถึงที่สุดแล้วเห็นว่า การกระทำของโจทก์ทั้งห้าเป็นความผิดตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน หมวดที่ 8 วินัยและโทษทางวินัยข้อย่อยวินัยที่ห้ามปฏิบัติ ข้อ 4 ความว่า “พนักงานต้องไม่เล่นการพนันภายในบริเวณบริษัท” ดังนั้น เมื่อโจทก์ทั้งห้าเล่นไฮโลว์อันเป็นการพนันตามบัญชี ก. ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 แม้จะเล่นนอกเวลาปฏิบัติงาน แต่เล่นภายในบริเวณบริษัทจำเลย จึงเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานข้างต้น และการพนันเป็นสาเหตุแห่งการวิวาทบาดหมาง ชักนำไปสู่การประกอบอาชญากรรมอื่นได้และมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของจำเลย การฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของโจทก์ทั้งห้าดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่ร้ายแรง และเป็นกรณีที่นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างเพราะลูกจ้างฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมกรณีที่ร้ายแรงตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119 (4) และเมื่อเป็นการกระทำความผิดอย่างร้ายแรง จำเลยจึงไล่โจทก์ทั้งห้าออกโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือให้สินไหมทดแทนก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 ทั้งการกระทำของโจทก์ทั้งห้ามีเหตุสมควรให้จำเลยเลิกจ้างได้จึงมิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 49 ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งห้าไม่มีสิทธิเรียกค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และไม่มีสิทธิขอให้จำเลยรับโจทก์ทั้งห้ากลับเข้าทำงานต่อไป จึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งห้าฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share