คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1807/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานตำรวจล่อซื้อเฮโรอีนได้จากจำเลยจำนวน 2 หลอด และเข้าค้นตัวจำเลย พบเฮโรอีนจำนวน 11 หลอด และเมทแอทเฟตามีนจำนวน 18 เม็ด การที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและมีแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเป็นการกระทำความผิดในวาระเดียวกัน และถูกจับได้พร้อมกัน แม้วัตถุแห่งการกระทำความผิดต่างชนิดกัน แต่เมื่อเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เช่นเดียวกัน จึงเป็นการกระทำความผิดเพียงกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๖๖, ๖๗ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปีน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒, ๓๓, ๘๓, ๙๑ และริบอาวุธปืนของกลาง
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, ๖๖ วรรคหนึ่ง, ๖๗ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ (ที่ถูกจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, ๖๖ วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ และจำเลยที่ ๑ ยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, ๖๗ กับผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ วรรคหนึ่ง ด้วย) การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ ๕ ปี ฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ ๕ ปี ลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก ๑ ปี รวมโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๑๒ ปี ๖ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๑๐ ปี สำหรับคำรับสารภาพของจำเลยที่ ๑ ในชั้นจับกุมชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างนับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกระทงละหนึ่งในสามทั้งสี่กระทง ส่วนจำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๘ ปี ๔ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๕ ปี ริบอาวุธปืนของกลาง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดสำหรับจำเลยที่ ๑ ฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, ๖๖ วรรคหนึ่ง และความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, ๖๗ เป็นกรรมเดียวกันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๑๑ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุก ๗ ปี ๔ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสองได้พร้อมเฮโรอีนจำนวน ๑๑ หลอด และเฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อจำนวน ๒ หลอด เป็นเงิน ๒๐๐ บาท ยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑๘ เม็ด น้ำหนัก ๑.๒๖ กรัม และอาวุธปืนยาวอัดลม ๑ กระบอก จากจำเลยที่ ๑ ไว้เป็นของกลาง
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยที่ ๑ มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗ เป็นการกระทำความผิดต่างกรรมกันหรือไม่ เห็นว่าข้อเท็จจริงรับฟังยุติว่า เจ้าพนักงานตำรวจล่อซื้อเฮโรอีนได้จากจำเลยที่ ๑ จำนวน ๒ หลอด และเข้าค้นตัวจำเลยที่ ๑ พบเฮโรอีนจำนวน ๑๑ หลอด และเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑๘ เม็ด ดังนั้น การที่จำเลยที่ ๑ มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเป็นการกระทำผิดในวาระเดียวกัน และถูกจับได้พร้อมกัน แม้วัตถุแห่งการกระทำความผิดต่างชนิดกัน แต่เมื่อเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ เช่นเดียวกัน จึงเป็นการกระทำความผิดเพียงกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้ว่าศาลชั้นต้นจะพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายคนละมาตรากันกับความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายก็หาทำให้การกระทำกรรมเดียวกลายเป็นการกระทำหลายกรรมไปได้ไม่ ศาลอุทธณ์ภาค ๗ พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

นายสุภัทร์ สุทธิมนัส ผู้ช่วยฯ
นางสาวสุดรัก สุขสว่าง ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายเดชา หงส์ทอง ผู้ช่วยฯ/ตรวจ

Share