คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สำนักงานประปาสงขลาเป็นส่วนงานของการประปาส่วนภูมิภาคซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ มิใช่สถานที่ราชการ การที่จำเลยเข้าไปลักทรัพย์ในบริเวณสำนักงานดังกล่าวในเวลากลางคืน จึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในสถานที่ ราชการคงเป็นความผิดเพียงลักทรัพย์ในเวลากลางคืนตาม ป.อ. มาตรา 335(1) วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๓๓ และริบเลื่อยของกลาง กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน ๙๕๙,๗๖๐ บาท แก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา การประชาส่วนภูมิภาค ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๑) (๘) (ที่ถูกมาตรา ๓๓๕ (๑) (๘) วรรคสอง) จำคุก ๖ ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๔ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน ๙๕๙,๗๖๐ บาท แก่ผู้เสียหาย ริบเลื่อยของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้วเห็นว่า… ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายเข้าไปลักเอาสายไฟฟ้าทองแดงอันเป็นทรัพย์ของการประปาส่วนภูมิภาคโจทก์ร่วมซึ่งอยู่ในสำนักงานประปาสงขลา (เขตจำหน่ายน้ำหาดใหญ่) ไปในเวลากลางคืนตามฟ้อง ที่จำเลยฎีกาว่า สำนักงานประปาสงขลา (เขตจำหน่ายน้ำหาดใหญ่) อันเป็นสถานที่เกิดเหตุเป็นที่ทำงานของจำเลยซึ่งจำเลยชอบที่จะเข้าไปในสถานที่ดังกล่าวได้ กรณีจึงไม่ใช่การลักทรัพย์ในสถานที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๘) นั้น เห็นว่า สถานที่เกิดเหตุอยู่ในสำนักงานประปาสงขลา (เขตจำหน่ายน้ำ หาดใหญ่) อันเป็นส่วนงานของการประปาส่วนภูมิภาคซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ มิใช่สถานที่ราชการ ดังนั้น การที่จำเลยเข้าไปลักทรัพย์ในบริเวณสำนักงานประปาสงขลาดังกล่าวในเวลากลางคืน จึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในสถานที่ ราชการคงเป็นความผิดเพียงลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๑) วรรคแรก เท่านั้น ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๘) ด้วยนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น…
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๑) วรรคแรก จำคุก ๔ ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชันจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๒ ปี ๘ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๙

Share