แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานที่ดินรวบรวมพยานหลักฐานของโจทก์ผู้ขอออกโฉนดที่ดินและของผู้คัดค้านการขอออกโฉนดมาเปรียบเทียบกันแล้วมีคำสั่งให้งดออกโฉนดที่ดินให้โจทก์ อันเป็นคำสั่งตามขั้นตอนที่ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 60 บัญญัติไว้เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานที่ดินได้กระทำการไปโดยไม่ชอบหรือไม่สุจริตแล้ว โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ส่วนที่บทบัญญัติดังกล่าวระบุว่า เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินสั่งประการใดแล้ว ให้ฝ่ายที่ไม่พอใจไปดำเนินการฟ้องต่อศาลภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่งนั้น หมายถึงให้คู่กรณีฟ้องเพื่อขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาเกี่ยวด้วยเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินที่พิพาทว่าผู้ใดมีสิทธิดีกว่ากัน โดยเจ้าพนักงาน-ที่ดินจะรอเรื่องการออกโฉนดไว้ในระหว่างนั้น
จำเลยให้การว่า จำเลยสอบสวนแล้วเห็นว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้เลี้ยงสัตว์ร่วมกัน คำสั่งของจำเลยที่ให้งดออกโฉนดที่ดินให้โจทก์จึงชอบแล้ว แม้จำเลยจะเป็นฝ่ายชนะคดีโดยศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า จำเลยมีคำสั่งชอบแล้ว และศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยก็ตาม แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้วินิจฉัยว่าที่พิพาทมิได้เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้เลี้ยงสัตว์ร่วมกัน แต่เป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่านั้น อาจเป็นที่เสียหายแก่จำเลย จำเลยย่อมมีสิทธิฎีกาโต้แย้งว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้เลี้ยงสัตว์ร่วมกันได้
ราษฎรใช้ที่พิพาทเป็นที่เลี้ยงสัตว์มา 50 ปี ที่พิพาทจึงเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งพลเมืองใช้เลี้ยงสัตว์ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2) มาก่อนแล้ว ผู้ใดจะอ้างว่าที่พิพาทเป็นของตนเพราะได้ครอบครองมานานแล้วหาได้ไม่
ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่เป็นทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันนั้น เกิดขึ้นและเป็นอยู่ตามสภาพของที่ดินและการใช้ร่วมกันของประชาชน โดยไม่ต้องมีเอกสารของทางราชการกำหนดให้เป็นที่สาธารณ-ประโยชน์เช่นนั้น