คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3729/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 กับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกาย จ. ได้รับอันตรายสาหัส แล้วจำเลยที่ 1 และที่ 2 กับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกาย ว. และ บ. ได้รับอันตรายแก่กายอีก เป็นการกระทำที่ต่างกรรมกันอันเป็นความผิดหลายกระทง แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องโดยมีรายละเอียดให้ เห็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 กับพวกได้กระทำความผิดหลายกรรม และมิได้ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แม้จะได้ความดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ ศาลจึงลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในแต่ละกรรมนอกเหนือจากคำฟ้องและคำขอของโจทก์หาได้ไม่ คำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองในส่วนนี้ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคแรก ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ 1 และที่ 2 จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๒๘๘, ๒๙๕, ๒๙๗ ริบของกลาง
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ ๓ หลบหนี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีชั่วคราวเฉพาะจำเลยที่ ๓
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๙๗, ๒๙๕ ประกอบมาตรา ๘๓ เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานฆ่าผู้อื่น จำคุกตลอดชีวิต ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสจำคุกคนละ ๘ ปี ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย จำคุกคนละ ๒ กระทง กระทงละ ๒ ปี เมื่อวางโทษฐานฆ่าผู้อื่นแล้ว จึงให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว ริบของกลาง
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และมาตรา ๒๙๗ และยกฟ้องจำเลยที่ ๒ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ จำเลยที่ ๑ คงรับโทษตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้นในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๘๓ จำคุกกระทงละ ๒ ปี รวม ๒ กระทง จำคุก ๔ ปี ส่วนจำเลยที่ ๒ รับโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๒๙๗, ๘๓ เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย จำคุกกระทงละ ๒ ปี รวม ๒ กระทง จำคุก ๔ ปี ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส จำคุก ๘ ปี รวมจำคุก ๑๒ ปี นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องนายชาตรี เทพประยูร และนายจาตุรงค์ ปุญญะเสาวกุล ถูกชายหลายคนรุมทำร้าย เป็นเหตุให้นายชาตรีถึงแก่ความตายตามรายงานการตรวจศพของแพทย์ เอกสารหมาย จ.๑๑ นายจาตุรงค์ได้รับอันตรายสาหัสตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ เอกสารหมาย จ.๑๖ …
อนึ่งการที่จำเลยที่ ๒ กับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกายนายจาตุรงค์ได้รับอันตรายสาหัส แล้วจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ กับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกายนายวิวัฒน์ ม่วงน้อยเจริญ และนายเบิ้ม เสลากุล ได้รับอันตรายแก่กายอีก เป็นการกระทำ ที่ต่างกรรมกันอันเป็นความผิดหลายกระทง แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องโดยมีรายละเอียดให้เห็นว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ กับพวกได้กระทำความผิดหลายกรรม และมิได้ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แม้จะได้ความดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ ศาลจะลงโทษจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ในแต่ละกรรมนอกเหนือจากคำฟ้องและคำขอของโจทก์หาได้ไม่ คำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองในส่วนนี้จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคแรก ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๒๕ โดยแก้ไขให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายเพียงกระทงเดียว และลงโทษจำเลยที่ ๒ ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสเพียงกระทงเดียว
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๘๓ เพียงกระทงเดียว จำคุก ๒ ปี ลงโทษจำเลยที่ ๒ ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ (๘), ๘๓ เพียงกระทงเดียว จำคุก ๘ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ .

Share