แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวมีอำนาจประกาศห้ามการขนย้ายข้าวทางทะเลเป็นเด็ดขาดเพราะถือว่าเท่ากับเป็นการกำหนดเขตขึ้นเอง เพราะฉะนั้นประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวฉบับที่ 9 และฉบับที่ 12 จึงไม่ขัดต่อมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.สำรวนและห้ามกักกันข้าวและมีผลใช้ได้ไม่เป็นโมฆะ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันขนย้ายข้าวสาร ซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดสมุทราปราการอันเป็นเขตที่คณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวได้ประกาศเป็นเขตห้ามขนย้ายข้าวออกทางทะเล โดยไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ข้าวที่ขนนี้จำเลยได้ขนออกไปทะเลแล้ว แต่ยังไม่ทันออกก็ถูกเจ้าพนักงานจับเสียก่อน ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว พ.ศ. ๒๔๘๙ ฉบับที่ ๙ และฉบับที่ ๑๒
จำเลยทุกคนให้การปฏิเสธและตัดฟ้องว่าประกาศคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวที่โจทก์อ้างเป็นโมฆะ เพราะออกนอกเหนืออำนาจตามที่มาตรา ๑๐ แห่ง พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าวได้ให้ไว้
ศาลจังหวัดสมุทรปราการวินิจฉัยว่า ข้อตัดฟ้องของจำเลยว่า มาตรา ๑๐ ให้อำนาจคณะกรรมการจะกำหนดเขตกว้างขวางบริเวณแคบจำกัดเพียงใดกก็ได้ตามประกาศของคณะกรรมการฉบับที่ ๙ ข้อ ๑ กำหนดเขตที่จังหวัดสมุทรปราการเป็ฯเขตห้ามการขนย้ายและข้อ ๓ ในประกาศฉบับนี้ ว่าหากจำเลยเป็นต้องขนย้ายทางทะเลไปยังเกาะแห่งจังหวัดนั้นก็จะต้องขออนุญาตด้วย เท่ากับจำกัดเขตขนย้ายในจังหวัดสมุทรปราการให้แคบเข้าหน่อย ครั้นต่อมาคงจะเห็นว่าข้อ ๓ นี้ยังไม่รัดกุมพอ จึงได้ประกาศฉบับที่ ๑๒ ห้ามมิให้ขนย้ายทางทะเลเป็นเด็ดขาด จึงเห็นว่าการกำหนดเขตนั่นเอง คือกำหนดเขตเฉพาะบนพื้นแผ่นดินแห่งจังหวัดสมุทรปราการเท่านั้นออกไปทะเลถือว่าเป็นนอกเขต ประกาศของคณะกรรมการย่อมไม่เป็นโมฆะ ส่วนข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยทุกคนทำผิดดังโจทก์ฟ้อง ให้จำคุกนายแสวงกับนายกิมอ๊วดคนละ ๕ ปี ปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยอื่นเป็นเพียงลูกจ้างให้จำคุกคนละ ๖ เดือน ส่วนนายพัน บุญเรือง จำเลยเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบเป็นจำคุก ๘ เดือน เรือและข้าวของกลางไม่ริบ ให้จ่ายสิบบนร้อยละ ๓๐ เงินรางวัลร้อยละ ๒๕ จากเงินค่าปรับ ตามพ.ร.บ.ให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด ๒๔๘๙ มาตรา ๓ และ ๔
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อตัดฟ้องของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่รูปคดีควรเชื่อตามข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นข้อเท็จจริงมีเหตุผลพอให้ชี้ว่าจำเลยได้สมคบกันนำข้าวออกทางทะเลจริงดังฟัง ส่วนข้อตัดฟ้องของจำเลยนั้น ก็เห็นว่าข้อความในประกาศที่ห้ามมิให้ขนย้ายทางทะเลนั้นมิได้นอกขอบเขตของพระราชบัญญัติแต่อย่างใด ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกนายแสวงจำเลย ๑ ปี ปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยนอกนั้นปรับคนละ ๑๕๐ บาท เพิ่มโทษนายพัน บุญเรืองจำเลย ๑ ใน ๓ คงปรับ ๒๐๐ บาท และให้จ่ายสินบนและรางวัลตามกฎหมายและอัตราของศาลชั้นต้น เว้นแต่จำเลย ๗ คนที่ส่งสำเนาฎีกาไม่ได้ กับนายฮะง้วนจำเลยที่ยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์