คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1796-1797/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนด โดยอ้างว่าฝ่ายจำเลยผู้มีชื่อในโฉนดได้ขายให้โดยไม่ได้ทำหนังสือสัญญากัน แต่ได้มอบโฉนดและที่ดินให้ฝ่ายโจทก์ปกครองมาเกิน 10 ปีแล้ว
จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ขาย เป็นแต่กู้เงิน ฝ่ายโจทก์มาแล้วมอบโฉนดให้ยึดถือมอบนาให้ทำต่างดอกเบี้ย ดังนี้เป็นหน้าที่ฝ่ายโจทก์จะต้องนำสืบก่อน

ย่อยาว

โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยที่นาโฉนดที่ 3661 มีชื่อนายปั่นนางจ่ายบิดามารดานางพวงจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ฝ่ายโจทก์อ้างว่าเมื่อ 35 ปีมานี้นายปั่นนางจ่ายขายที่นาพิพาทนี้แก่นายจิ๋วนางอินบิดามารดานางแคลนโจทก์ แล้วฝ่ายโจทก์ได้ครอบครองตลอดมาจนบัดนี้แต่หาได้ทำหนังสือสัญญากันไม่บัดนี้จำเลยขอประกาศรับมรดกที่พิพาทโจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลแสดงว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ผู้รับมรดกของนายจิ๋วนางอินผู้ซื้อนานี้ไว้

จำเลยต่อสู้ว่า บิดามารดาจำเลยกู้เงินบิดามารดาโจทก์ 80 บาท ได้มอบโฉนดและนาพิพาทให้บิดามารดาโจทก์ทำต่างดอกเบี้ยไม่เคยขายกัน และจำเลยฟ้องขอชำระหนี้เงินกู้และเรียกที่ดินคืนอีกสำนวนหนึ่ง

ถึงวันสืบพยาน คู่ความไม่ติดใจสืบพยานด้วยกัน ขอให้ศาลวินิจฉัย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี

ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า นาพิพาทเป็นของจำเลย ให้โจทก์รับเงินค่าไถ่ถอน แล้วคืนนาพิพาทแก่นางพวง

นายริ้น นางแคลนฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้เป็นที่รับกันว่า ฝ่ายนางพวงเป็นทายาทของนายปั่นนางจ่ายผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่พิพาทตามหน้าโฉนดอยู่ในบัดนี้ แต่ฝ่ายนายริ้นนางแคลนอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์ในที่รายนี้ในทางอายุความ ได้สิทธิตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 จริงอยู่ที่พิพาทอยู่ในความยึดถือครอบครองของฝ่ายนางริ้นกับพวกซึ่งมีข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่า ยึดถือที่ดินเพื่อตนโดยสุจริตโดยสงบและเปิดเผยก็ตามแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องใช้สิทธิในทางครอบครองเท่านั้น กฎหมายหาได้สันนิษฐานเลยไปถึงการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ด้วยไม่ การได้สิทธิครอบครองไม่จำเป็นจะต้องได้กรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของด้วย ดังนั้นคดีนี้ประเด็นจึงตกเป็นหน้าที่ของฝ่ายนายริ้นกับพวกจะต้องนำสืบว่า การครอบครองนั้น นายริ้นกับพวกได้ครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตามมาตรา 1382 ดังอ้างเมื่อไม่สืบก็ต้องแพ้คดี ซึ่งศาลฎีกาได้เคยพิพากษามาแล้ว คือฎีกาที่ 521/2493, 1112/2493

จึงพิพากษายืน

Share