คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5079/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการอยู่ในสังกัดของจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ขับรถยนต์บรรทุกน้ำของจำเลยที่ 2 รดน้ำต้นไม้ ได้ขับรถไปปฏิบัติงานตามหน้าที่ เสร็จแล้วได้ขับรถไปบ้านของตนแม้จะเป็นธุระส่วนตัวไม่ใช่เวลาปฏิบัติราชการตามหน้าที่ และที่เกิดเหตุมิใช่พื้นที่ที่จำเลยที่ 2 รับผิดชอบดำเนินการก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 1 ขับรถไปบ้านของตนก็ดี และตอนขับกลับก็ดี เป็นเวลาต่อเนื่องคาบเกี่ยวกับงานที่จำเลยที่ 1 ปฏิบัติไปตามหน้าที่ของจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ไปทำละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ในระหว่างทางที่ขับรถกลับดังนี้ถือได้ว่าขณะนั้นจำเลยที่ 1 ยังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติงานซึ่งได้กระทำการตามหน้าที่การงานของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2ต้องร่วมรับผิดด้วย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ ได้ขับรถยนต์บรรทุกน้ำของจำเลยที่ ๒ ไปในทางการที่จ้าง ด้วยความประมาทชนท้ายรถโจทก์เสียหาย โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสงอร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ นำรถยนต์บรรทุกน้ำของจำเลยที่ ๒ ออกไปใช้โดยพลการในกิจการส่วนตัวของจำเลยที่ ๑ เองเหตุเกิดในเขตจังหวัดนนทบุรี อยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ ๒จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน๘๑,๐๐๐ บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ ๑ เป็นข้าราชการอยู่ในสังกัดของจำเลยที่ ๒ มีหน้าที่ขับรถบรรทุกน้ำสำหรับรดต้นไม้ ได้ชับรถบรรทุกน้ำดังกล่าวด้วยความประมาทชนรถโจทก์เสียหายโดยในวันเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ได้นำรถออกไปรดน้ำต้นไม้ตามหน้าที่เสร็จแล้วได้ขับรถไปบ้านของจำเลยที่ ๑ และไปชนรถโจทก์ตอนขับรถกลับศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยที่ ๑ ขับรถไปบ้านของจำเลยที่ ๑ แม้จะเป็นธุระส่วนตัว ไม่ใช่เวลาปฏิบัติราชการตามหน้าที่ และที่เกิดเหตุอยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรี นอกเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งมิใช่พื่นที่ที่จำเลยที่ ๒ รับผิดชอบดำเนินการดังที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ ๑ ขับรถไปบ้านของจำเลยที่ ๑ ก้ดี และตอนขับกลับก็ดีเป็นเวลาต่อเนื่องคาบเกี่ยวกับงานที่จำเลยที่ ๑ ปฏิบัติไปตามหน้าที่ของจำเลยที่ ๒ เมื่อเหตุเกิดระหว่างทางที่จำเลยที่ ๑ ขับรถกลับ ดังนี้ถือได้ว่าขณะนั้นจำเลยที่ ๑ ยังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติงานซึ่งได้กระทำการตามหน้าที่การงานของจำเลยที่ ๒ เมื่อจำเลยที่๑ ไปทำละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ในพฤติการณ์เช่นนี้จำเลยที่ ๒ จึงต้องรับผิดร่วมด้วยฎีกาจำเลยที่ ๒ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share