คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยออกเช็คให้นายเซียม ๆ ถูกบุคคลอื่นฟ้องเรียกเงินและศาลสั่งอายัดเงินตามเช็ค โจทก์กับนายเซียม จึงสมคบกันให้โจทก์เอาเช็คมาฟ้องจำเลยตามพ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกิดจากการใช้เช็ค เพื่อมิให้ถูกยึดหรืออายัด เป็นการบิดเบือน ความจริงให้เป็นว่า จำเลยออกเช็คให้โจทก์โดยตรงเป็นการแสดงให้เห็นความไม่สุจริตของโจทก์ ปัญหาสำคัญจึงอยู่ที่ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายฟ้องจำเลยได้หรือไม่ มิใช่ปัญหาว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คหรือไม่ เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายแท้จริง ก็จะมาฟ้องคดีนี้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินล่วงหน้าชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก ครั้นโจทก์นำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคาร ๆ ปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะจำเลยไม่มีเงินในธนาคาร ขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธว่า ไม่เคยกู้เงินโจทก์ จำเลยเคยเอาเงินของนายเซียมและออกเช็คให้นายเซียมไปเป็นประกันเงินกู้ ต่อมานายเซียม ถูกนายปุ๊ ฟ้องเรียกเงิน ศาลแพ่งสั่งอายัดเงินตามเช็ค นายเซียมจึงสมคบกับโจทก์เปลี่ยนรูปคดีให้โจทก์มาฟ้องคดีนี้
ศาลชั้นต้นฟังว่า การกระทำของนายเซียมกับโจทก์ เพื่อจะกีดกันไม่ให้นายปุ๊ได้รับชำระหนี้โดยอาศัยสิทธิเรียกร้องของนายเซียมที่จะเรียกร้องจากจำเลย จึงฟังว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คดังโจทก์ฟ้อง ไม่ใช่ผู้เสียหาย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์กับนายเซียมสมคบกันให้โจทก์เอาเช็คมาฟ้องคดีนี้ เพื่อมิให้ถูกยึดหรืออายัด การที่โจทก์พยายามบิดเบือนความจริงให้เป็นว่า จำเลยออกเช็คให้โจทก์โดยตรง เป็นการแสดงให้เห็นความไม่สุจริตของโจทก์ ซึ่งเจือสมเหตุผลของจำเลย แม้โจทก์จะได้ชื่อว่า เป็นผู้ทรงเช็คก็หาใช่ผู้เสียหายแท้จริง ที่จะมาฟ้องคดีนี้ไม่ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คที่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อธนาคารปฏิเสธ การจ่ายเงินเพราะจำเลยไม่มีเงินจ่าย จำเลยต้องรับผิด นั้น เห็นว่า ปัญหาสำคัญในคดีนี้มีว่า โจทก์เป็นผู้เสียหายฟ้องจำเลยได้หรือไม่ มิใช่ปัญหาว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คหรือไม่ นอกจากนี้ ศาลทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่า โจทก์กับนายเซียมสมคบกันให้โจทก์เอาเช็คมาฟ้องคดีนี้ซึ่งเป็นการไม่สุจริต ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share