คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การประเมินราคาทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดเพื่อดำเนินการบังคับคดีต่อไปนั้น การที่จะประเมินราคาเท่าใดยังไม่มีข้อผูกมัดผู้ที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีจึงยังไม่มีกรณีที่เป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีที่จะร้องขอต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองจำเลยจึงไม่อาจจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อคัดค้านการประเมินราคา ของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตามบทกฎหมายข้างต้น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงิน 2,885,303.23 บาท พร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมแต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาโจทก์ขอให้บังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 16390 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2เพื่อขายทอดตลาด
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า ในวันที่ยึดทรัพย์จำเลยที่ 2เดินทางไปต่างจังหวัด บุตรของจำเลยที่ 2 ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาให้ต่ำเพื่อจะเสียค่าธรรมเนียมน้อยเมื่อมีการถอนการยึด หากเจ้าพนักงานบังคับคดีขายไปตามราคาประเมินซึ่งต่ำกว่าราคาท้องตลาดและราคาประเมินของสำนักงานที่ดินที่แท้จริงแล้ว จำเลยที่ 2 จะได้รับความเสียหายเพราะราคาที่ดินตารางวาละ 50,000 บาท และสิ่งปลูกสร้างราคาไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีให้สำนักงานวางทรัพย์กลางประเมินราคาทรัพย์ใหม่และขอให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ไว้ก่อน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การประเมินราคาทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดเพื่อดำเนินการบังคับคดีต่อไปนั้นการที่จะประเมินราคาเท่าใดยังไม่มีข้อผูกมัดผู้ที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี จึงยังไม่มีกรณีที่เป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีที่จะร้องขอต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองดังนั้น จำเลยที่ 2 จึงไม่อาจจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อคัดค้านการประเมินราคาของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตามบทกฎหมายข้างต้น
พิพากษายืน

Share