แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกค่าโดยสารเครื่องบินอายุความเรียกร้องมีกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 มิใช่ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(3)
เมื่อมีบทกฎหมายที่จะยกมาปรับคดีได้และระบุไว้ชัดเจนแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยตามคลองจารีตประเพณีหรือตามความมุ่งหมายของบทบัญญัติ
เมื่อฎีกาจำเลยไม่ได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายซึ่งจำเลยจะยกขึ้นอ้างอิงโดยชัดแจ้ง ศาลก็ไม่รับวินิจฉัยให้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ซื้อเชื่อตั๋วเครื่องบินเพื่อให้จำเลยที่ ๒ ใช้เดินทางจากลอนดอนมาประเทศไทย แล้วก็ไม่ชำระเงินโจทก์ทวงถามจำเลยทั้งสองก็ไม่ชำระ จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ต่อสู้ว่าซื้อตั๋วจากจำเลยด้วยเงินสด โจทก์ไม่เคยทวงถามหนี้รายนี้ คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงินแก่โจทก์ ส่วนจำเลยที่ ๒ ไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์ ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พยานโจทก์มีน้ำหนักฟังได้ว่าจำเลยได้ซื้อตั๋วโดยสารเครื่องบินจากบริษัทโจทก์ด้วยเงินเชื่อจริง ปัญหาที่จำเลยฎีกาคัดค้านว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๖๕(๓) เห็นว่า เป็นสิทธิเรียกร้องของบุคคลผู้ขนส่งทางรถไฟ ผู้รับบรรทุกของ คนเรือ คนขับรถรับจ้าง และคนเดินหนังสือเท่านั้นที่มีกำหนดอายุความ ๒ ปี คดีนี้เป็นเรื่องโจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับการซื้อตั๋วโดยสารทางเครื่องบิน ต้องใช้อายุความ ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔ ที่จำเลยอ้างว่าคดีนี้ต้องยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔ มาปรับนั้น เห็นว่า คดีนี้มีบทกฎหมายที่จะยกมาปรับคดีได้ และระบุไว้ชัดเจนแล้ว ไม่จำต้องวินิจฉัยตามคลองจารีตประเพณีหรือตามความมุ่งหมายดังฎีกาจำเลย ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าควรเทียบได้กับการซื้อของเชื่อตามมาตรา ๔๕๖ จำเลยไม่ได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายซึ่งจำเลยจะยกขึ้นอ้างอิงโดยชัดแจ้ง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ จึงไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย.