คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1743/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือมิฉนั้นก็ฐานรับของโจรแต่ไมได้ระบุ ก.ม. อาญา ม.321 ลง
ในคำขอให้ลงโทษท้ายฟ้อง จำเลยรับสารภาพฐานรับของโจร โจทก์จึงขอเพิ่มเติม ม.321 ลงในท้ายคำขอให้ลงโทษ เช่นนี้ศาลอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมได้

ย่อยาว

อัยการโจทก์และผู้เสียหายร่วมกันฟ้องว่ามีโจรลักโคนายพั่ง หนูทองคำผู้เสียหายไป ๑ ตัว มีคนเห็นจำเลยกับพวกพาโคไปทั้งนี้จำเลยกับพวก เป็นโจรลักโคไปหรือมิฉนั้นก็ได้สมคบกันรับเอาโคไว้จากโจรโดยรู้อยู่แล้ว จำเลยกับพวกสมคบกันฆ่าโคโดยไม่ได้รับอนุญาตขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นสืบพยานยังไม่ทันหมดปาก จำเลยขอถอนคำให้การเดิมรับสารภาพในฐานความผิดรับของโจรและฐานฆ่าโคไม่รับอนุญาต อัยการโจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องโดยเพิ่ม ก.ม.อาญา ม.๓๒๑ ในท้ายคำขอให้ลงโทษจำเลยแถลงคัดค้านศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ขอเพิ่มเติมได้ตาม ป.วิ.อาญา ม.๑๖๓,๑๖๔ เพราะโจทก์บรรยายการกระทำที่อ้างว่าเป็นความผิดตาม ม.๑๕๘ (๕) แล้ว จำเลยไม่ได้หลงข้อต่อสู้ จึงสั่งอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ ครั้นแล้วโจทก์จำเลยต่างไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิด ก.ม.อาญา ม.๓๒๑ จำคุก ๑ ปี และฐานฆ่าโคไม่รับอนุญาต ปรับ ๒๐๐ บาท ลดตาม ม.๕๙ คงจำคุก ๖ เดือน ปรับ ๑๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ในปัญหาเรื่องเพิ่มเติมฟ้องว่าไม่ชอบจะลงโทษตาม ม.๓๒๑ ไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องชอบแล้วดังเหตุผลที่ศาลชั้นต้นยกขึ้นวินิจฉัย เมื่อศาลอนุญาตให้เพิ่มเติมฟ้องแล้วถ้าหากจำเลยเห็นว่าที่รับสารภาพไป เป็นความเสียเปรียบหรือเพราะผิดหลงก็ยังมีโอกาสถอนคำรับสารภาพได้ แสดงว่าคำให้การรับสารภาพนั้นบริสุทธิ์ใจไม่ได้หลงผิดหรือหลงต่อสู้ พิพากษายืน

Share