คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาจำนองที่พิพาทไว้กับโจทก์ แต่จำเลยไม่มีความสามารถจะไถ่ จึงทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ ดังนี้ สัญญาจะซื้อขายเป็นนิติกรรมอีกอันหนึ่งต่างหากจากสัญญาจำนอง ไม่เกี่ยวกันย่อมสมบูรณ์ ใช้ได้ตามกฎหมาย

ย่อยาว

ความว่า จำเลยได้จำนองที่ดินรายพิพาทไว้กับโจทก์เป็นเงิน ๔๕๐ บาท ดอกเบี้ยค้างตลอดมา จำเลยไม่สามมารถไถ่ และต้องการเงินอีก จึงตกลงทำสัญญาจะขายให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๑๕๐๐ บาท ได้รับเงินมัดจำไว้ ๓๔๐ บาท แล้วจำเลยได้ไปร้องขอขายที่อำเภอตามสัญญา อำเภอได้ออกประกาศโฆษณาตามระเบียบแล้ว ครั้นถึงกำหนด จำเลยกลับใจไม่ยอมขาย และเข้าทำนานในที่ซึ่งจะขาย โจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาท และใช้ค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยฎีกาข้อกฎหมายว่า สัญญาจะซื้อขายนั้นกระทบกระเทือนสัญญาจำนองให้ระงับสิ้นไปตาม ป.พ.พ.มาตรา ๗๔๔(๖) จึงไม่สมบูรณ์ตามมาตรา ๗๑๑
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อกฎหมายที่จำเลยอ้างเป็นเรื่องที่มีข้อตกลงเนื่องจากสัญญาจำนองนั้นเอง ที่จะให้ผู้รับจำนองเข้าเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่จำนอง นอกจากตามบทบัญญัติทั้งหลายว่าด้วยการบังคับจำนอง แต่ในคดีนี้ สัญญาจะซื้อขายที่โจทก์ขอบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามนั้น เป็นนิติกรรมอีกอันหนึ่งต่างหากจากสัญญาจำนองไม่เกี่ยวกัน ย่อมสมบูรณ์ใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
พิพากษายืน

Share