คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2975/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่ผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทตามสัญญาจะซื้อจะขายโดยปลูกบ้านอยู่อาศัย2หลังและได้ชำระราคาที่ดินครบถ้วนแล้วทั้งได้มีคำพิพากษาของศาลบังคับให้จำเลยโอนที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องด้วยถือได้ว่าผู้ร้องอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1300แม้โจทก์จะได้นำยึดที่ดินพิพาทไว้ก่อนที่ผู้ร้องจะชำระราคาที่ดินพิพาทครบถ้วนและก่อนที่ศาลจะพิพากษาบังคับให้จำเลยโอนที่พิพาทแก่ผู้ร้องก็ตามแต่การยึดก็ไม่มีผลกระทบสิทธิของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา287ต้องเพิกถอนการยึด

ย่อยาว

คดี สืบเนื่อง จาก โจทก์ นำยึด ที่ดิน ของ จำเลย โฉนด เลขที่ 175060เพื่อ ขายทอดตลาด นำ เงิน ชำระหนี้ ตาม คำพิพากษา แก่ โจทก์
ผู้ร้อง ยื่น คำร้อง ขัดทรัพย์ ว่า ที่ดินพิพาท ที่ โจทก์ นำยึด เป็นของ ผู้ร้อง ผู้ร้อง ซื้อ จาก จำเลย ตั้งแต่ ปี 2519 แต่ เนื่องจาก จำเลยหลบหนี หาย ไป นาน แล้ว จึง ยัง ไม่ได้ จดทะเบียน โอน ให้ ผู้ร้องผู้ร้อง ได้ เข้า ครอบครอง ที่ดินพิพาท โดย ปลูก บ้าน 2 หลัง และ อาศัยอยู่ ติดต่อ กัน มา โดย สงบ เปิดเผย และ ด้วย เจตนา เป็น เจ้าของเป็น เวลา เกินกว่า 10 ปี แล้ว ผู้ร้อง จึง ได้ กรรมสิทธิ์ ใน ที่ดินพิพาทและ อยู่ใน ฐานะ อัน จะ ให้ จดทะเบียน ขอให้ ศาล สั่ง ปล่อย ที่ดินพิพาท
โจทก์ ให้การ แก้ คำร้อง ขัดทรัพย์ ว่า ที่ดินพิพาท เป็น ของ จำเลยผู้ร้อง ไม่เคย เข้า ครอบครอง ที่พิพาท ผู้ร้อง กับ จำเลยร่วม กัน ทำการฉ้อฉล และ ใช้ สิทธิ โดย ไม่สุจริต ขอให้ ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษายก คำร้อง
ผู้ร้อง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
ผู้ร้อง ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ดังนี้ ข้อเท็จจริง รับฟัง ได้ว่า ผู้ร้องเข้า ครอบครอง ที่ดินพิพาท ตาม สัญญาจะซื้อขาย โดย ได้ ปลูก บ้าน อยู่อาศัย 2 หลัง และ ได้ ชำระ ราคา ที่ดิน ครบถ้วน แล้ว ทั้ง ได้ มี คำพิพากษาของ ศาล บังคับ ให้ จำเลย โอน ที่ดินพิพาท แก่ ผู้ร้อง ด้วย แล้ว เห็น ได้ว่าที่ดินพิพาท จะ ต้อง ตกเป็น ของ ผู้ร้อง เท่านั้น ไม่มี เหตุ ที่ จะ ให้ ที่ดินพิพาท หลุด มือ จาก ผู้ร้อง ตก ไป เป็น ของ ผู้อื่น กรณี จึง ถือได้ว่า ผู้ร้องอยู่ ใน ฐานะ อัน จะ ให้ จดทะเบียน สิทธิ ของ ตน ได้ ก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 กล่าว คือ ผู้ร้องมีสิทธิ ที่ จะ ได้รับ โอน ที่ดินพิพาท เป็น คน แรก ก่อน ใคร อื่น อันเป็นทรัพย์ สิทธิ ที่ สามารถ ใช้ ยัน บุคคลภายนอก ได้ ทั่วไป ด้วย เหตุ นี้ แม้โจทก์ จะ ได้ นำยึด ที่ดินพิพาท ไว้ ก่อน ที่ ผู้ร้อง จะ ชำระ ราคา ที่ดินพิพาทครบถ้วน และ นำยึด ก่อน ที่ ศาล จะ พิพากษา บังคับ ให้ จำเลย โอน ขาย ที่ดินพิพาท แก่ ผู้ร้อง ก็ ตาม แต่ ศาล ก็ ไม่อาจ ปล่อย ให้ มี การ ขายทอดตลาด ที่ดินพิพาท ได้ เพราะ ผู้ที่ ซื้อ ได้ไม่ มีสิทธิ ที่ จะ ได้รับ โอน เนื่องจากผู้ร้อง เท่านั้น ที่ มีสิทธิ จะ ได้รับ โอน ทั้ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ก็ มี บทบัญญัติไม่ให้ การ ยึดทรัพย์ มีผล กระทบ ถึง สิทธิ ของ ผู้ร้อง จึง จำเป็น ที่โจทก์ จะ ต้อง ถอน การ ยึด ที่ดินพิพาท ที่ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย ว่า ผู้ร้องเพิ่ง จะ วางเงิน ชำระ ราคา ที่ดินพิพาท ครบถ้วน หลังจาก ที่ โจทก์ นำยึดที่ดินพิพาท แล้ว ผู้ร้อง จึง ไม่อยู่ ใน ฐานะ อัน จะ ให้ จดทะเบียน สิทธิได้ ก่อน นั้น ศาลฎีกา ไม่เห็น พ้อง ด้วย ฎีกา ของ ผู้ร้อง ฟังขึ้นที่ ผู้ร้อง ฎีกา ว่า จำเลย แกล้ง เป็น ลูกหนี้ ให้ โจทก์ ยึด ที่ดินพิพาทเพื่อ จำเลย จะ ได้ไม่ ต้อง โอน ขาย ที่ดินพิพาท แก่ ผู้ร้อง ไม่จำต้องวินิจฉัย ”
พิพากษากลับ ให้ เพิกถอน การ ยึด ที่ดิน โฉนด เลขที่ 175060 ตำบล สำโรงเหนือ (สำโรงฝั่งเหนือ) อำเภอเมืองสมุทรปราการ (พระโขนง) จังหวัด สมุทรปราการ

Share