คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 430/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องว่าจำเลยรับโคที่ได้มาจากการทำผิดฐานลักทรัพย์แล้วจำเลยนำไปขาย ทางพิจารณาเพียงแต่ได้ความว่าเจ้าทรัพย์ปล่อยโคงเลี้ยงไว้ในทุ่งที่หมู่บ้านแล้วโคหายไป 2 วัน เจ้าทรัพย์ติดตามไปพบโคที่บ้านผู้รับซื้อไว้ซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ผู้รับซื้อโคไว้บอกว่าจำเลยเป็นผู้นำมาขายโดยไม่มีพยานรู้เห็นว่ามีคนจูงพาไปจากทุ่งทำเลเลี้ยงแต่อย่างใด ระยะทางจากที่ ๆ โคถูกปล่อยเลี้ยงกับที่ ๆ พบโคห่างไกลกันเท่าใด ดังนี้ ยังไม่พอจะรับฟังได้ว่าโคถูกคนร้ายลักไป อันเป็นมูลเหตุจะให้เกิดความผิดฐานรับของโจรได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๙ ก.พ.๒๕๐๐ เวลากลางวันมีคนร้ายลักโค ๑ ตัวราคา ๕๐๐ บาทของนายพรมมา ยะมาดเมืองเจ้าทรัพย์ไป ต่อมาวันที่ ๑๑ ก.พ. ๒๕๐๐ เจ้าทรัพย์กับพวกติดตามได้โคที่ถูกลักจากนายกวางซึ่งจำเลยนำมาขายไว้ ทั้งนี้โดยระหว่างวันที่ ๙ ถึงวันที่ ๑๑ ก.พ.๒๕๐๐ จำเลยบังอาจรับเอาโคดังกล่าวอันได้มาโดยการกระทำผิดเข้าลักษณะลักทรัพย์แล้วนำไปขายให้นายกวาง เหตุเกิดที่ตำบลกุสุมาลย์และตำบลท่าแร่ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร ขอให้ลงโทษตามประมวล ก.ม.อาญา มาตรา ๓๕๗ และคืนของกลางแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้ว่า จำเลยกำลังจะซื้อจะขายโคตัวนี้ต่อไป กำลังรอหลักฐานคือตั๋วพิมพ์รูปพรรณ พอดีเจ้าของไปจับ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยรังโคไว้โดยรู้ว่าถูกคนร้ายลักมา พิพากษาว่าจำเลยผิดตามประมวล ก.ม.อาญา มาตรา ๓๕๗ จำคุก ๑ ปี ของกลางคืนเจ้าทรัพย์ จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยรังโคไว้โดยรู้ว่าถูกคนร้ายลักมา ยังลงโทษฐานรับของโจรไม่ถนัด พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลย คงให้คืนโคของกลางให้ผู้เสียหาย
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าจากข้อนำสืบของโจทก์ ข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าโครายนี้ถูกพาไปโดยการกระทำผิดต่อกฎหมายอันเป็นมูลเหตุจะให้เกิดความผิดฐานรับของโจรโจทก์สืบได้ความเพียงว่าโคที่หายไปนั้นเจ้าทรัพย์ปล่อยโคเลี้ยงกินหญ้าไว้ในทุ่งเช่นเคยที่หมู่บ้านกุสุมาลย์เมื่อวันที่ ๙ ก.พ.๒๕๐๐ เวลาเช้า เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น. เจ้าของไปดูเห็นหายไปได้ติดตามไปพบโคที่บ้านนายกวางอยู่หมู่บ้านท่าแร่ในคืนวันที่ ๑๑ ก.พ. ๒๕๐๐ นายกวางบอกว่าจำเลยเป็นผู้นำมาขาย โคตัวนี้มิได้ถูกผูกล่ามไว้อย่างใด อาจเพริดไปจากฝูงก็ได้ ไม่มีพยานรู้เห็นว่ามีคนจูงพาไปจากทำเลยทุ่งเลี้ยงแต่อย่างใด ระยะทางจากที่ที่โคถูกปล่อนเลี้ยงกับที่ที่พบโคในตอนหลังห่างไกลกันเท่าใด ก็ไม่ปรากฎ ที่ศาลชั้นต้นกล่าวว่าโคตัวนี้หานไปตั้ง ๒ วัน จึงพอสันนิษฐานได้ว่าถูกคนร้ายลักไปนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเหตุดังกล่าวยังไม่พอจะรับฟังได้ถนัดว่าโคตัวนี้ถูกคนร้ายลักไป เพราะหากไม่มีใครพบในเร็ววัน แม้โคจะไม่อยู่ห่างไกลกับที่ที่ถูกปล่อยเลี้ยง การหายของโคก็อาจเป็นหลายวัน หลายอาทิตย์ หลายเดือนได้
จึงพิพากษายืนตามผลที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง

Share