คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3629/2537

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนรถคันเกิดเหตุเป็นกรณีแก้ไขข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายละเอียดเพื่อให้ตรงตามความเป็นจริง ไม่จำต้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานเพราะเข้าข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุ ย่อมมีผลให้คำฟ้องของโจทก์และรายงานการชี้สองสถานในประเด็นเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถคันดังกล่าวต้องเปลี่ยนไปตามที่โจทก์ขอแก้ไขโดยไม่ต้องทำการชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทใหม่ เหตุที่รถชนกันเกิดขึ้นเพราะยางรถยนต์ระเบิด ไม่เป็นเหตุสุดวิสัยเพราะเป็นหน้าที่ของผู้ขับขี่จะต้องตรวจตราระมัดระวังให้รถอยู่ในสภาพเรียบร้อยและขับด้วยความปลอดภัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า สิบเอกน้อย กลั่นประทุมซึ่งเป็นข้าราชการทหารประจำการ ในขณะปฏิบัติราชการตามทางการที่จ้างของจำเลยโดยทำหน้าที่พนักงานขับรถได้ขับรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน ตรากงจักร 9049 ของจำเลยจากจังหวัดสระบุรีมาตามถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าไปยังกรุงเทพมหานคร ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังชนกับรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน 11-1810กรุงเทพมหานคร ของโจทก์ ซึ่งวิ่งสวนทางมา ทำให้เกิดไฟลุกไหม้รถทั้งสองคัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายโดยเฉพาะสิบเอกน้อยได้ถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ รถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน 11-1810 กรุงเทพมหานคร ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งคันคงเหลือแต่เพียงซากรถซึ่งไม่สามารถจัดการซ่อมให้อยู่ในสภาพที่จะนำออกใช้งานได้ ก่อนถูกรถชนรถยนต์คันดังกล่าวนี้มีราคาซื้อขายเกินกว่า1,500,000 บาท รถยนต์คันนี้โจทก์ได้นำเข้าวิ่งรับส่งผู้โดยสารในเส้นทางสัมปทานของบริษัทขนส่ง จำกัด หลังเกิดเหตุโจทก์ขอให้คณะกรรมการประเมินราคากลางรถอุบัติเหตุของบริษัทขนส่ง จำกัดประเมินค่าเสียหาย คณะกรรมการได้ประเมินราคาเป็นเงิน 1,107,720 บาทจำเลยต้องรับผิดชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์ในฐานะนายจ้างของสิบเอกน้อย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงิน 1,189,890 บาทให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน1,107,720 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน 10-1801 กรุงเทพมหานครตามฟ้องรถยนต์โดยสารคันดังกล่าวเป็นขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพโจทก์จึงไม่มีส่วนได้เสีย (ต่อมาโจทก์แก้ไขคำฟ้องเป็นหมายเลขทะเบียน 11-1810 กรุงเทพมหานคร) สิบเอกน้อย กลั่นประทุมได้ขับรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียนตรากงจักร 9049 โดยพลการสิบเอกน้อยขับรถยนต์คันดังกล่าวด้วยความระมัดระวังตามสมควรแก่พฤติการณ์ มิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อ แต่ในขณะเกิดเหตุมีวัววิ่งข้ามถนนตัดหน้ารถยนต์คันดังกล่าวในระยะกระชั้นชิดสิบเอกน้อยจึงขับรถหลบวัวโดยเปลี่ยนช่องเดินรถ ทำให้ล้อรถด้านหน้าเกิดระเบิด สิบเอกน้อยบังคับรถไม่ได้เป็นเหตุให้รถเสียหลักพุ่งเข้าเฉี่ยวชนกับรถยนต์โดยสารบริษัทขนส่ง จำกัดซึ่งขับรถสวนมาด้วยความเร็วสูง แล้วครูดลากรถทั้งสองคันไปตกอยู่ข้างทาง เป็นเหตุให้รถยนต์เสียหายทั้งสองคันและสิบเอกน้อยถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือสุดวิสัยและนอกทางการที่จ้างนอกหน้าที่ราชการของสิบเอกน้อย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน539,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิดไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุจากหมาย 10-1801 กรุงเทพมหานคร เป็นหมายเลข 11-1810 กรุงเทพมหานครเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า ที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนรถเป็นกรณีแก้ไขข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายละเอียดเพื่อให้ตรงตามความเป็นจริงว่ารถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุ คือ คันหมายเลขทะเบียน 11-1810 กรุงเทพมหานครไม่จำต้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานก็ถือว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายเข้าหลักข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180ส่วนปัญหาตามฎีกาของจำเลยต่อไปว่า เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้แก้ไขคำฟ้องดังกล่าวแล้วจะต้องดำเนินการชี้สองสถานใหม่ เมื่อโจทก์มิได้โต้แย้งการกำหนดประเด็นตามที่ชี้สองสถานไว้ก็ต้องถือตามประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เดิม คือ โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน 10-1801 กรุงเทพมหานคร ใช่หรือไม่ในข้อนี้เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องย่อมมีผลให้คำฟ้องของโจทก์และรายงานการชี้สองสถานในประเด็นข้อนี้เกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุต้องเป็นไปตามที่โจทก์ขอแก้ไข ประเด็นข้อนี้จึงเปลี่ยนเป็นว่าโจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน 11-1810 กรุงเทพมหานคร ใช่หรือไม่ปัญหานี้ศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงแล้วว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน 11-1810 กรุงเทพมหานคร จริงเมื่อจำเลยมิได้ฎีกาขึ้นมาว่าโจทก์มิใช่เจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุจึงต้องฟังเป็นยุติว่าโจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุในคดีนี้จริง ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต่อไปที่จำเลยฎีกาว่า สิบเอกน้อย กลั่นประทุมไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์นั้น เกี่ยวกับประเด็นข้อนี้จำเลยฎีกาว่าเหตุที่รถแล่นออกนอกทางจนเสียหลักพุ่งลงเกาะกลางถนนข้ามไปชนกับรถยนต์โดยสารของโจทก์เป็นเพราะเหตุสุดวิสัย เนื่องจากยางรถยนต์ระเบิดไม่อาจป้องกันได้นั้นจำเลยมีจ่าสิบเอกจรูญ อิสรอาดเบิกความว่า วันเกิดเหตุนั่งรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียนตรากงจักร 9049 มากับสิบเอกน้อย ขณะขับมาถึงที่เกิดเหตุสิบเอกน้อยได้ขับรถเปลี่ยนเส้นทาง จะหลบอะไรหรือไม่ จำไม่ได้พอเปลี่ยนเส้นทางจากช่องเดินช่องซ้ายไปที่ช่องเดินรถช่องขวาก็มีเสียงยางรถยนต์ระเบิดขึ้นแล้วรถเสียหลักพุ่งลงเกาะกลางถนนข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งเฉี่ยวชนกับรถยนต์โจทก์ ตามข้อนำสืบของจำเลยดังกล่าวสิบเอกน้อยจะขับหลบอะไร เพราะเหตุใด พยานเบิกความว่าจำไม่ได้ดังนี้จึงไม่อาจฟังได้ว่าเกิดเหตุสุดวิสัย แม้จะฟังว่าเหตุที่เกิดชนเพราะยางรถยนต์คันที่สิบเอกน้อยขับมาเกิดระเบิดขึ้นก็ตามก็หาเป็นเหตุสุดวิสัยไม่เพราะเป็นหน้าที่ของสิบเอกน้อยผู้ขับขี่ที่จะต้องตรวจตราระมัดระวังให้รถอยู่ในสภาพเรียบร้อยและขับด้วยความปลอดภัย นอกจากนี้จากคำเบิกความของร้อยตำรวจโทณรงค์ เกตุบรรจง พนักงานสอบสวนผู้สอบสวนคดีนี้ปรากฏว่าได้ความจากคนที่อยู่ในรถยนต์คันที่สิบเอกน้อยขับมาว่าสิบเอกน้อยได้ขับเปลี่ยนช่องเดินรถจากซ้ายไปขวาอย่างกะทันหันเป็นเหตุให้ยางระเบิดแล้วเสียหลักข้ามร่องเกาะกลางถนนไปอีกฝั่งหนึ่งเห็นว่าตามสภาพและเหตุการณ์ที่สิบเอกน้อยขับรถมาก่อนเกิดเหตุจะต้องขับด้วยความเร็วสูงครั้นยางระเบิดก็ไม่สามารถห้ามล้อรถให้หยุดได้คดีจึงฟังได้ว่าสิบเอกน้อยเป็นผู้ขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้รถเสียหลักข้ามร่องเกาะกลางถนนไปอีกฝั่งหนึ่งชนรถยนต์โจทก์ได้รับความเสียหายจริงตามฟ้อง ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share