คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ความผิดฐานบุกรุกเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่จำเลยเข้าไปรบกวนการครอบครองที่ดินพิพาท ส่วนการที่จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาเป็นเพียงผลของการบุกรุกเท่านั้นหาใช่ความผิดต่อเนื่อง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 362 บทเดียวหาเป็นความผิดตามมาตรา 365(3) อีกบทหนึ่งไม่ ปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้แม้จำเลยจะไม่ฎีกา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362,365
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางอุไร ภังคานนท์ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362, 365 ลงโทษจำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีเพียงประการเดียวว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกบ้านในที่ดินของผู้อื่นซึ่งโจทก์ร่วมดูแลอยู่เพื่อยึดถือครอบครองที่ดินดังกล่าวบางส่วนเป็นเนื้อที่ 51 ตารางวา อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์ได้กล่าวไว้ชัดเจนแล้วว่าจำเลยกระทำการใดแม้โจทก์จะบรรยายว่าจำเลยกระทำความผิดระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม2533 ถึงวันที่ 18 สิงหาคม 2533 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกันก็ตาม แต่เวลาที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดเป็นเพียงรายละเอียดของฟ้อง หาใช่ข้อสาระสำคัญไม่ ฟ้องของโจทก์จึงเป็นการระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำและเวลาที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดไว้พอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้ฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2533 เวลาประมาณ 9 นาฬิกาจำเลยบุกรุกเข้าไปปักเสาเรือนเพื่อปลูกบ้านในที่ดินแปลงพิพาทและจำเลยได้ครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าว ต่อมาจนถึงวันที่ 18สิงหาคม 2533 ดังนี้ ความผิดฐานบุกรุกจึงเกิดขึ้นและสำเร็จแล้วตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2533 เวลากลางวัน ส่วนการที่จำเลยครอบครองที่ดินต่อมาเป็นเพียงผลของการบุกรุกเท่านั้น หาใช่เป็นความผิดต่อเนื่องตราบเท่าที่จำเลยครอบครองที่ดินอยู่ไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 บทเดียวหามีความผิดตามมาตรา 365(3) อีกบทหนึ่งไม่ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362 ลงโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 2,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสแก่จำเลยเพื่อกลับตนเป็นพลเมืองดีสักครั้งหนึ่งโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30ข้อหาอื่นให้ยก

Share