แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยหยิบเอาเงินไป เนื่องจากที่ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ความผิดเรื่องลักทรัพย์เกลื่อนกลืนเข้าไปในกรณีนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการเป็นตำรวจมีหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิด ได้สมคบกันทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกะทง คือ จำเลยทำการจับกุมตรวจค้นนายเง็กเล้ง และนายประสิทธิ์ หาว่าเล่นการพนันฉลากกินรวบเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ปราศจากอิสระแล้วใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางมิชอบบังคับขู่เข็ญให้คนทั้ง ๒ ให้เงินแก่จำเลย ๒,๐๐๐ บาท มิฉะนั้นจะจับกุมดำเนินคดีและจำเลยได้ลักธนบัตรของนายประสิทธิ์ไป ๒๐๐ บาทและของนายเง็กเล้งไป ๖๐๐ บาท แต่ต่อมาคืนให้นายเง็กเล้ง ๒๐๐ บาท ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณอาญา มาตรา ๑๓๖,๒๗๐,๒๙๓,๗๐,๗๑ แก้ไข ๒๔๘๔ มาตรา ๓
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามฟ้อง รวมกะทงลงโทษจำคุกคนละ ๓ ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกข้อหาสำหรับความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง นอกนั้นเป็นไปตามศาลชั้นต้น รวมกะทงลงโทษจำคุกจำเลยคนละ ๑ ปี ๖ เดือน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังจำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นรับฎีกาจำเลยเฉพาะข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่าง ได้ความว่า จำเลยเข้าไปขอซื้อบุหรี่ที่บ้านนายเง็กเล้ง พลตำรวจวิชัย จำเลย ถามถึงสลากกินรวบ พลตำรวจวิบูลย์จำเลยพูดว่าจับได้แล้ว พลฯ วิชัย จำเลย เอื้อมมือหยิบสมุดในลิ้นชักโต๊ะ และพลฯ เชื้อ จำเลย หยิบเงินในลิ้นชักโต๊ะออกมา ๖๐๐ บาท ระหว่างหยิบเงิน จำเลยแสดงตัวเป็นตำรวจกองปราบ และให้นายเง็กเล้งไปพูดในครัว และจะจับนายเง็กเล้ง ไปสถานีตำรวจในข้อหาเป็นคนต่างด้าว แล้วเรียกเงิน ๒,๐๐๐ บาท เพื่อจำเลยจะได้ไม่จับไปสถานีตำรวจ แต่นายเง็กเล้งไม่มีให้ มีคนมาตามจำเลย ๆ พากันไปและคืนเงินให้นายเง็กเล้ง ๒๐๐ บาท ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าไม่เป็นผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง คงมีความผิดฐานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตเท่านั้น และถือว่า การที่จำเลยเอาเงินของนายเง็กเล้งไป ๔๐๐ บาท ก็เนื่องจากจำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริต ข้อที่โจทก์หาว่า จำเลยลักทรัพย์จึงเกลื่อนกลืนเข้าไปในกรณีนั้น พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๘ เพราะเป็นกฎหมายบทที่เป็นคุณแก่จำเลย จำคุกคนละ ๒ ปี