แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำบรรยายฟ้องความผิด ฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารที่ถือว่าจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ ๒ พิพากษาใหม่ตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ว่า ฟ้องฉะเพาะตัวจำเลยที่ ๒ ไม่ครบองค์ความผิด ไม่มีมูลที่จะรับไว้พิจารณาให้ยกฟ้องโจทก์ดุจคำพิพากษาเดิม
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลชั้นต้นยังหาได้พิจารณาในข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๒ จะมีความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ซึ่งเป็นการไม่ชอบด้วย ป.วิ.อาญา ม.๒๐๘ และ ป.วิ.แพ่ง ม.๒๔๐ จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียอีกครั้งหนึ่ง ฉะเพาะตัวจำเลยที่ ๒ ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยที่ ๒ ฎีกา คดีลงมีปัญหาในชั้นฎีกาเพียงว่า ข้อกล่าวหาจำเลยที่ ๒ ตามฟ้องของโจทก์จะเป็นฟ้องที่ถูกต้องตาม ป.วิ.อาญามาตรา ๑๕๘ (๕) หรือไม่ ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว โจทก์บรรยายฟ้องว่า “จำเลยใช้อุบายทุจจริตล่อลวงเด็กหญิงทองใบหรือเผือก เอียงเทศ ให้ไปเซ็นชื่อรับเงินออมสินแล้วจะให้รางวัลเป็นเงิน ๘ บาท และจำเลยที่ ๒ ได้บังอาจติดต่อและพูดล่อลวงเด็กหญิงทองใบ ๆ ให้ไปกับจำเลยที่ ๑ อันเป็นอุปการะแก่การที่จำเลยที่ ๑ จะได้พาเด็กหญิงทองใบ ๆ ไปเสียจากนางทองคำเอียงเทศเพื่อการอนาจารดังกล่าวข้างต้นด้วย จนเด็กหญิงทองใบหลงเชื่ออุบายทุจจริตต่อลวงของจำเลยทั้งสองและยอมให้จำเลยที่ ๑ พาไป ” เห็นว่า ข้อความที่โจทก์กล่าวหานี้เป็นที่เข้าใจได้ดีว่าจำเลยที่ ๒ ได้พูดจาล่อลวงเด็กหญิงทองใบให้หลงเชื่อว่าจำเลยที่ ๑ จะพาเด็กหญิงทองใบไปเซ็นชื่อรับเงินและให้รางวัลข้อความตอนต้นและตอนปลายประกอบกับแสดงให้เห็นชัดอยู่แล้วเรียกว่าโจทก์ได้กล่าวข้อเท็จจริงและรายละเอียดพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี และในคดีนี้จำเลยก็เข้าใจข้อหาได้ดี ได้ให้การรับสารภาพตามข้อหาอยู่แล้ว ตามสำนวนไม่ปรากฎว่าจำเลยไม่เข้าใจข้อหาผิดหรือให้การรับสารภาพโดยเข้าใจผิด จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์