คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1895/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องศาลขอให้เพิกถอนการเรียกเก็บภาษีร้านค้า เพราะพนักงานเจ้าหน้าที่เรียกเก็บไม่ถูกต้องนั้น ผู้เสียภาษีจะต้องเสียตามที่เจ้าหน้าที่ประเมินมาก่อนแล้วจึงอุทธรณ์ต่อข้าหลวงประจำจังหวัดหรืออธิบดีแล้วแต่กรณี ต่อจากนั้นจึงจะอุทธรณ์ต่อศาลได้ ถ้าโจทก์ไม่จัดการอุทธรณ์ตามเกณฑ์และวิธีการดั่งทีกฎหมายบัญญัติไว้แล้ว สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีขึ้นสู่ศาลก็หามีไม่ ศาลไม่มีอำนาจจะประทับฟ้องไว้พิจารณาและในกรณีเช่นนี้แม้จำเลยจะไม่คัดค้านมาแต่ต้น ศาลสูงก็พิพากษายกฟ้องได้ เพราะเป็นเรื่องอำนาจฟ้องอันเนื่องว่าเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้องของประชาชน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่าคณะกรมการอำเภอได้ประเมินเรียกเก็บภาษีร้านค้าโรงบ่มใบยาของโจทก์เป็นเงิน ๒๗๐๐ บาทเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑ และเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๒ ได้ประเมินภาษีร้านค้าสำหรับ พ.ศ. ๒๔๙๒ จากโจทก์อีกเป็นเงิน ๔๑๘๐ บาท กับเรียกค่าปรับอีก ๘๓๖ บาท ซึ่งโจทก์เห็นว่าโรงบ่มใบยาของโจทก์ไม่ใช่สถานที่ประกอบหรือดำเนินกิจการการค้า จึงขอให้บังคับจำเลยคืนหรือสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่คืนเงินที่เรียกเก็บไปดังกล่าวให้โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการเก็บภาษีร้านค้าสำหรับโรงบ่มใบยาดังกล่าวเงิน ๓๗๐๐ บาทกับค่าปรับ ๘๓๖ บาท ข้อหาโจทก์นอกนั้นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้อง โดยเห็นว่าเมื่อเจ้าพนักงานได้ทำการประเมิน แล้วผู้เสียภาษีต้องเสียตามนั้น ถ้าเห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินไม่ถูก ก็ให้อุทธรณ์ต่อข้าหลวงประจำจังหวัดหรืออธิบดีแล้วแต่กรณีต่อจากนั้น จึงจะอุทธรณ์คำวินิจฉัยของข้าหลวงประจำจังหวัดหรืออธิบดีต่อศาลได้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อมีบทบัญญัติของกฎหมายไว้เป็นพิเศษให้อำนาจไว้แต่เฉพาะในกรณีอุทธรณ์คำวินิจฉัยของข้าหลวง
ประจำจังหวัดเท่านั้นดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่จัดการอุทธรณ์ตามเกณฑ์และวิธีการดังที่กฎหมายอันว่าด้วยการนั้นสิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีขึ้นสู่ศาลก็หามี ไม่ ศาลไม่มีอำนาจจะประทับรับฟ้องไว้พิจารณาแม้จำเลยจะไม่คัดค้านแต่ต้น ศาลก็พิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้เพราะเป็นเรื่องอำนาจฟ้องอันนับเนื่องว่าเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
จึงพิพากษายืน

Share