แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเข้าไปในเรือนของผู้เสียหายกลางคืนเลา 1 นาฬิกา โดยบุตรีของผู้เสียหายซึ่งรักใคร่กับจำเลยมาก่อนนัดให้เข้าไปและพาขึ้นเรือนนั้น นับว่าจำเลยเข้าไปโดยมีเหตุอันควร แม้ว่าผู้เสียหายและภรรยาไม่อนุญาต ก็เป็นไปตามวิสัยของเรื่องเช่นนี้ที่ต้องปิดบัง ดังนี้ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 364 ประกอบด้วยมาตรา 365(2)(3) (ตัดสินโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2508)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานบุกรุกและพยายามลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๖๔,๓๖๕,๓๓๕,๘๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามบทมาตราดังฟ้อง ให้ลงโทษตามมาตรา ๓๖๔,๓๖๕ ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา ๙๐ ให้จำคุกจำเลยไว้ ๑ ปี ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พฤติการณ์ที่ปรากฏตามคำพยานโจทก์ไม่สมเหตุผลที่จะเป็นกรณีลักทรัพย์ พยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักและเหตุผลที่จะรับฟัง
ปัญหาต่อไปมีว่า การที่จำเลยเข้าไปในเรือนของนายเชื้อ กลางคืนเวลา ๑ นาฬิกา โดยนางสาวเล็กบุตรีนายเชื้อนัดให้เข้าไปนั้น จะเป็นการเข้าไปโดยมีเหตุสมควรหรือไม่ ศาลฎีกาได้พิจารณาปัญหานี้โดยที่ประชุมใหญ่แล้ว มีมติว่า นางสาวเล็กรักใคร่กับจำเลยมาก่อนเกิดเหตุ คืนเกิดเหตุนางสาวเล็กนัดให้จำเลยไปหา จำเลยไปเคาะกระดานใต้ถุนบ้านตามที่นัดหมายกัน นางสาวเล็กลงมาพาจำเลยขึ้นเรือน นับว่าจำเลยเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร แม้ว่าบิดามารดานางสาวเล็กไม่ได้อนุญาต ก็เป็นไปตามวิสัยของเรื่องเช่นนี้ที่ต้องปิดบัง จำเลยมิได้ตั้งใจบุกรุกเลย จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๖๔ ประกอบด้วยมาตรา ๓๖๕(๒)(๓) ดังที่ศาลฎีกาได้พิพากษาเป็นแบบอย่างไว้หลายเรื่อง พิพากษายืน