แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนสามัญ ทำหนังสือสัญญากู้เงินจากบุคคลภายนอกนั้น จะให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นซึ่งมิได้เป็นคู่สัญญาต้องรับผิดด้วยหาได้ไม่ เว้นแต่ผู้ให้กู้จะพิสูจน์ได้ว่าผู้นั้นได้ทำในฐานะเป็นผู้จัดการหรือตัวแทนของห้างหุ้นส่วนหรือได้นำเงินที่กู้มาใช้ในกิจการห้างหุ้นส่วนนั้น ๆ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๘ ได้เข้าหุ้นส่วนกันตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญชื่อ โรงรับจำนำเซี่ยงฮวด หรือเซียงฮวด โดยมิได้จดทะเบียน จำเลยที่ ๑ ในฐานะผู้จัดการห้างหุ้นส่วนกับจำเลยที่ ๙ ได้ร่วมกันยืมเงินโจทก์ ๔๐,๐๐๐ บาท เมื่อถึงกำหนดชำระ จำเลยทั้งหมดไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยทั้ง ๙ ชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๔, ๖, ๗ และ ๘ ให้การปฏิเสธ ๑, ๒, ๓ และ ๕ ขาดนัดยื่นคำให้การและพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑, ๒, ๗ และ ๘ ร่วมกันรับผิดชำระเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์
จำเลยที่ ๗ และ ๘ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๗ – ๘
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ ๑ และ ๙ เป็นผู้ทำหนังสือสัญญาลงนามเป็นผู้กู้เงินโจทก์ตามปกติบุคคลทั้งสองนี้เท่านั้นจะต้องรับผิดตามสัญญานี้ จะให้บุคคลภายนอกซึ่งมิได้เป็นคู่สัญญาด้วยต้องรับผิดด้วยหาได้ไม่ เว้นไว้แต่โจทก์จะพิสูจน์ได้ว่าบุคคลที่ลงชื่อเป็นผู้กู้เงินนี้ได้ทำในฐานะเป็นผู้จัดการหรือตัวแทนของห้างหุ้นส่วน หรือได้นำเงินที่กู้นั้นมาใช้ในกิจการของห้างหุ้นส่วน ดังนี้ บุคคลภายนอกซึ่งเป็นหุ้นส่วนจึงจะต้องรับผิด
ตามข้อนำสืบของโจทก์คงได้ความเพียงว่า ๑ เป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนโรงรับจำนำเซี่ยงฮวด จำเลยที่ ๙ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับห้างหุ้นส่วนโรงรับจำนำเซี่ยงฮวด ส่วนจำเลยที่ ๗ และ ๘ เป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนดังกล่าว จำเลยที่ ๑ และ ๙ ได้ทำหนังสือกู้เงินโจทก์ไป เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าห้างหุ้นส่วนดังกล่าวได้เชิดหรือแสดงออกให้โจทก์หลงเชื่อว่า จำเลยได้กู้เงินไปในฐานะตัวแทนของห้างหุ้นส่วน หรือนำเงินไปใช้ในกิจการของห้างหุ้นส่วน จำเลยที่ ๗, ๘ มิได้เป็นคู่สัญญาด้วย จึงไม่ต้องรับผิด
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์