แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีที่โจทก์อ้างว่าเป็นบุตรผู้ตาย หาว่าจำเลยแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินในการขอรับมฤดกที่ดินโดยกล่าวว่าผู้ตายไม่มีบุตร ไม่มีเมียนั้น เมื่อคดีไม่มีเหตุพอจะฟังว่าจำเลยได้รู้ว่าโจทก์เป็นบุตรผู้ตาย ก็ถือไม่ได้ว่า จำเลยจงใจแจ้งเท็จ จำเลยย่อมไม่มีผิด
ย่อยาว
ได้ความว่า นายยันมีชื่อในโฉนดเลขที่ ๑๕๒๘ ร่วมกับผู้อื่น นายผันตายมา ๓ – ๔ ปี แล้ว จำเลยที่ ๑ เป็นบิดานายผัน จำเลยที่ ๒ เป็นน้องชายนายผัน เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๖ จำเลยที่ ๑ ทำใบมอบฉันทะให้จำเลยที่ ๒ มาจัดการร้องขอรับมฤดกนายผัน จำเลยที่ ๒ ได้ร้องต่อพนักงานทะเบียนที่ดิน โดยบอกบัญชีเครือญาติของนายผันว่า นายผันไม่มีลูก ไม่มีเมีย เจ้าพนักงานจึงถอนชื่อนายผัน และใส่ชื่อจำเลยที่ ๑ แทน โจทก์จึงนำมาฟ้องเป็นคดีนี้ โดยอ้างว่าเป็นบุตรนายผัน หาว่าจำเลยแจ้งความเท็จ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๑๑๘, ๒๒๖, ๖๓ พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.ลักษณะอาญา พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๓ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะจำเลยที่ ๒ ๆ ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า คดีไม่พอที่จะถือว่าจำเลยจงใจแจ้งความเท็จ พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๑๑๘ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.ลักษณะอาญา พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๓ จำคุก ๓ เดือน แต่ให้รอการลงอาญา
จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีไม่มีเหตุพอฟังว่า จำเลยได้รู้ว่าโจทก์เป็นบุตรนายผัน โดยชอบ เพราะ ตามคำพะยานโจทก์ได้ความเพียงว่า นายพริ้ง (มารดาโจทก์) มีครรภ์ก่อนแล้ว นายผันจึงลักพาไป และมาสมา และเมื่อนายพริ้งคลอดโจทก์ ก็คงอยู่บ้านบิดานางพริ้งตลอดมา นามสกุลที่ใช้ ก็ไม่ใช่นามสกุลนายผัน จึงฟังได้ว่าจำเลยจงใจแจ้งเท็จไม่ถนัด พิพากษากลับให้ยกฟ้อง./