คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2813-2814/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน คงมีแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนและบันทึกนำชี้สถานที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ อันเป็นพยานประกอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณาคดี ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งห้ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสุดท้าย ระวางโทษประหารชีวิต จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 5 มีความผิดตามมาตรา 289(6)(7), 83 อีกบทหนึ่ง แต่มีอัตราโทษประหารชีวิตสถานเดียวเท่ากับความผิดตามมาตรา 340 วรรคสุดท้าย จึงให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งห้า คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 3 ที่ 4 และ ที่ 5 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม ให้จำคุกจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ตลอดชีวิต ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งห้าฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ส่วนจำเลยที่ 3 นั้น เห็นว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานนำสืบให้ประจักษ์เลยว่าจำเลยที่ 3 เป็นคนร้ายอย่างใดคงมีแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวน และบันทึกนำชี้สถานที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพอันเป็นพยานประกอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณาคดี ลำพังคำรับสารภาพชั้นสอบสวนและบันทึกนำชี้สถานที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ จึงไม่อาจหยิบยกขึ้นมาฟังลงโทษจำเลยที่ 3 ได้”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3

Share