คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้สัญญาเช่านา 10 ปีจะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเช่านาที่จำเลยรับไปล่วงหน้าคืน เพราะจำเลยผิดสัญญาไม่ยอมให้โจทก์ทำนาได้
สัญญาเช่าที่มิได้ปิดอากรแสตมป์ในขณะทำสัญญาไม่เสียไป เมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนแล้วในภายหลัง ศาลก็ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่านาจากจำเลยมีกำหนด ๑๐ ปี และได้ชำระค่าเช่าให้จำเลยที่ ๑ แล้วแต่วันทำสัญญา ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้โอยนาให้แก่จำเลยที่ ๒ โจทก์ได้เตรียมเข้าทำนา แต่จำเลยทั้งสองไม่ให้โจทก์เข้าทำ จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย และคืนค่าเช่านาที่เรียกไว้ล่วงหน้าแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่า จำเลยที่ ๑ ไม่เคยเอาที่นาให้โจทก์เช่าถึง ๑๐ ปี ที่นาพิพาทเดิมเป็นของโจทก์ เอามาจำนองไว้กับจำเลยและหลุดเป็นสิทธิแก่จำเลยที่ ๑ แล้วโจทก์ขอเช่าทำนาต่อไปอีก ๑ ปี โจทก์หลอกให้จำเลยที่ ๑ ลงชื่อในแบบพิมพ์สัญญาเช่าซึ่งยังไม่ได้กรอกข้อความ จำเลยที่ ๑ โอนที่นาให้จำเลยที่ ๒ เพราะหย่าขาดจากกัน โจทก์ได้กรอกข้อความในสัญญาเองโดยจำเลยที่ ๑ ไม่ได้รู้เห็นยินยอม ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงเป็นโมฆะโจทก์ไม่เสียหาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาเช่าไว้จริง และได้รับเงินค่าเช่าล่วงหน้าไว้จากโจทก์ โจทก์ไม่ได้เสียหาย ให้จำเลยที่ ๑ คืนเงินแก่โจทก์ คำขอเกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ ให้ยก
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา บุตรจำเลยที่ ๑ ขอเข้ารับมรดกความเพราะจำเลยที่ ๑ ถึงแก่กรรม ศาลอนุญาต
ศาลฎีกาเห็นวาจำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาเช่าที่นา และได้รับเงินค่าเช่าล่วงหน้าไว้จากโจทก์ โจทก์มิได้ฟ้องร้องขอบังคับคดีให้เป็นไปตามสัญญาเช่า แต่เป็นเรื่องฟ้องเรียกค่าเช่าที่นาที่จำเลยที่ ๑ รับไปล่วงหน้าคืน เพราะจำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาไม่ยอมให้โจทก์ทำนา โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง สัญญาเช่ามิได้ปิดอากรแสตมป์ในขณะทำสัญยา หาเสียไปไม่ เพราะต่อมาโจทก์ก็ได้ปิดครบถ้วนแล้ว ศาลย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ตามประมวลรัษฎากร
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลยที่ ๑.

Share