คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1756/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องอ้างบทลงโทษมาตรา 339 ฐานชิงทรัพย์โดยบรรยายฟ้องด้วยว่า จำเลยใช้มีดบังคับข่มขืนใจให้ผู้เสียหายขับรถยนต์เลี้ยวเข้าไปในถนนสุขาภิบาล 1 และขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยใช้มีดแทงทำร้ายให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมิได้ประสงค์ต่อทรัพย์และผู้เสียหายยังไม่ทันได้กระทำตามที่ถูกข่มขู่ ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานพยายามทำผิดต่อเสรีภาพตามมาตรา 309 ประกอบด้วยมาตรา 80 ได้(นัยฎีกาที่ 1683/2500)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีมีดปลายแหลมเป็นอาวุธ บังอาจลักธนบัตร ๗๐ บาทของนายจรูญโดยใช้มีดนั้นบังคับข่มขืนใจให้นายจรูญขับรถยนต์เลี้ยวเข้าไปในถนนสุขาภิบาล ๑ และขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยใช้อาวุธมีดแทงทำร้ายร่างกายให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและร่างกาย เพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์ พาทรัพย์นั้นไปลงมือกระทำผิดแล้วแต่ไม่ตลอด ไม่บรรลุผล โดยนายจรูญขับรถยนต์หลบหนีไปแจ้งความตำรวจมาจับกุมจำเลยได้ ชิงทรัพย์ไม่สำเร็จ ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๓๓๙,๘๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานพยายามทำผิดต่อเสรีภาพ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา แม้จำเลยไม่มีเจตนาประสงค์ต่อทรัพย์ แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธมีดบังคับข่มขืนใจให้นายจรูญขับรถยนต์เลี้ยวเข้าไปในถนนสุขาภิบาล ๑ และขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยใช้มีดแทงทำร้ายให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตร่างกาย จะถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษฐานกระทำผิดต่อเสรีภาพหาได้ไม่ ทั้งการกระทำอันเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำร้ายนี้ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ ศาลจึงลงโทษจำเลยฐานทำความผิดต่อเสรีภาพตามมาตรา ๓๐๙ ได้ ดังนัยฎีกาที่ ๑๖๘๓/๒๕๐๐ แต่การกระทำของจำเลยที่ขู่เข็ญให้ผู้เสียหายเลี้ยวรถเข้าไปในซอยสุขาภิบาล ๑ ถ้าไม่เลี้ยวเข้าไปจะฆ่าให้ตาย ผู้เสียหายยังไม่ทันได้กระทำตามที่ขู่ จึงเป็นแต่เพียงพยายามกระทำผิดตามมาตรา ๓๐๙ ประกอบมาตรา ๘๐
พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๐๙ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ จำคุก ๒ เดือน

Share