คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3396/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การรับฟังความเห็นของผู้ชำนาญการพิเศษตามที่ทางโรงพยาบาลได้ทำการ เจาะเลือดผู้เสียหาย จำเลยและทารก เพื่อตรวจหากลุ่มเลือดแล้ว และระบุผลออกมา เมื่อผู้ตรวจคือผู้ชำนาญในการนี้และทำการตรวจถูกต้องตามหลักวิชาแพทย์แล้ว มีการทำความเห็นแจ้งผลการตรวจมาและมีพนักงานสอบสวนเบิกความรับรองเอกสารย่อมเป็นหลักฐานเพียงพอให้รับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 243 แล้ว ส่วน วรรคสองของมาตรา 243 ที่ว่าศาลจะให้ผู้ชำนาญการพิเศษทำความเห็น เป็นหนังสือก็ได้แต่ต้องให้มาเบิกความประกอบหนังสือด้วยนั้น บทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจที่จะทำหรือไม่ก็ได้ มิใช่เป็นบทบังคับเด็ดขาด เมื่อศาลมิได้สั่งให้ทำความเห็นเป็นหนังสือ ก็ย่อมไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังความเห็นดังกล่าว
เมื่อจำเลยกับผู้เสียหายมีเลือดกลุ่ม บี. ผู้เสียหายคลอดทารก มีเลือดกลุ่ม เอ. ดังนี้ ทารกมิได้เกิดจากจำเลยกับผู้เสียหายจำเลยก็มิได้เป็นผู้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและให้การในชั้นสอบสวนว่าได้ใช้อวัยวะเพศถูไถอวัยวะเพศของผู้เสียหาย 2 ครั้งก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล คำให้การดังกล่าว เป็นเพียงพยานบอกเล่า โดยลำพังหามีน้ำหนักให้รับฟังว่าจำเลยกระทำผิดไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๒๔ ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๒๔ เวลากลางวัน จำเลยใช้กำลังกายปลุกปล้ำข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงบังอรศรีอายุ ๑๒ ปีเศษ จนสำเร็จความใคร่ของจำเลยหลายครั้ง เหตุเกิดที่ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖, ๒๗๗ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๗
จำเลยให้การปฏิเสธ
นายดาวบิดาผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๗ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๗ อันเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดและเป็นคุณแก่จำเลย คำรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา ๗๘ จำคุก ๓ ปี ๔ เดือน คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าจากการตรวจหากลุ่มเลือด จำเลยกับผู้เสียหายมีเลือดในกลุ่ม บี. ตามหลักวิชาแพทย์ทารกที่เกิดจะมีเลือดในกลุ่ม เอ.ไม่ได้ ดังนั้นทารกจึงไม่ได้เกิดจากจำเลยและย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เห็นว่าในเรื่องกลุ่มเลือด โจทก์มีนายแพทย์ธเนศ เบิกความว่า หากบิดาและมารดามีเลือดกลุ่ม บี. ทั้งคู่ ทารกที่ออกมาจะไม่มีโอกาสมีเลือดกลุ่ม เอ.ได้ ทั้งว่าเท่าที่เคยตรวจมา ยังไม่เคยพบว่ากรณีเช่นนี้มีโอกาสทำให้กลุ่มเลือดเปลี่ยนไปได้ พยานได้ตรวจหากลุ่มเลือดของผู้เสียหายคดีนี้ด้วย แต่จำรายละเอียดไม่ได้ ถือได้ว่าพยานปากนี้เป็นผู้ชำนาญการพิเศษในทางการแพทย์ เบิกความตามหลักวิชาแพทย์และที่เคยปฏิบัติมา มีประโยชน์ในการวินิจฉัยคดี และผลการตรวจกลุ่มเลือดตามเอกสารหมาย จ.๒ และ จ.๓ ที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาครแจ้งมาก็มีร้อยตำรวจโทสมศักดิ์เบิกความรับรอง ย่อมเป็นการเพียงพอในการรับฟังแล้ว ส่วนที่เกี่ยวกับการรับฟังความเห็นของผู้ชำนาญการพิเศษตามเอกสารหมาย จ.๒และ จ.๓ มีใจความว่า ทางโรงพยาบาลได้ทำการเจาะเลือดผู้เสียหาย จำเลยและทารกเพื่อตรวจหากลุ่มเลือดแล้ว และได้ระบุผลออกมา ฟังได้ว่าผู้ตรวจคือผู้ชำนาญในการนี้และทำการตรวจถูกต้องตามหลักวิชาแพทย์แล้วมีการทำความเห็นแจ้งผลการตรวจมา ย่อมเป็นหลักฐานเพียงพอให้รับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๔๓ แล้ว ส่วนวรรคสองของมาตรานี้ที่ว่าศาลจะให้ผู้ชำนาญการพิเศษทำความเห็นเป็นหนังสือก็ได้แต่ต้องให้มาเบิกความประกอบหนังสือด้วยนั้น เป็นบทบัญญัติให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจที่จะทำหรือไม่ก็ได้ หาใช่เป็นบทบังคับเด็ดขาดอันเป็นผลห้ามมิให้รับฟังความเห็นดังกล่าวไม่ เมื่อคดีนี้นายแพทย์ธเนศเบิกความว่า ถ้าบิดามารดามีเลือดเป็นกลุ่ม บี. ด้วยกันตรงกับผู้เสียหายและจำเลยทารกที่เกิดมาจะไม่มีโอกาสมีเลือดเป็นกลุ่ม เอ.ดังทารกรายนี้ได้ จึงฟังว่าทารกมิได้เกิดจากจำเลยกับผู้เสียหาย คือจำเลยมิได้เป็นผู้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายดังโจทก์ฟ้องนั่นเอง แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและให้การในชั้นสอบสวนว่าได้ใช้อวัยวะเพศถูไถอวัยวะเพศของผู้เสียหาย ๒ ครั้งก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล คำให้การดังกล่าวเป็นเพียงพยานบอกเล่า โดยลำพังหามีน้ำหนักให้รับฟังว่าจำเลยกระทำผิดดังโจทก์ฟ้องไม่
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง.

Share