คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1137/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยมิได้ยกขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ย่อมยุติ จะรื้อฟื้นขึ้นมาฎีกาอีกไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
ผู้ร้องเข้ามาในคดีในฐานะเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้มรณะ จึงมีสิทธิดำเนินคดีเท่าสิทธิของจำเลยที่มีอยู่เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินที่กู้โจทก์ไป พร้องทั้งดอกเบี้ย
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
เมื่อสืบพยานโจทก์แล้วนัดสืบตัวจำเลย จำเลยถึงแก่มรณะ ผู้ร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนผู้มรณะ และขออ้างพยานเพิ่มเติม ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องเข้ารับมรดกความแทนที่จำเลยแต่ไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมพยาน แล้วพิจารณาพิพากษาให้จำเลยใช้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างชำระและต่อไปจนกว่าจะชำระเงินโจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์มายื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขอสืบพยานไปฝ่ายเดียวเมื่อพ้นกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้ว ถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ศาลชอบที่จะจำหน่ายคดีเสีย แต่กลับสั่งให้พิจารณาต่อไปเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๙๘ นั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นอ้างอิงในอุทธรณ์ปัญหานี้จึงยุติ จะยกขึ้นฎีกาอีกไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๕
ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลควรอนุญาตให้ผู้ร้องอ้างพยานอื่นได้เพราะผู้ร้องเพิ่งเข้ารับมรดกความ เห็นว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จึงมีสิทธิเพียงสาบาลตัวให้การเป็นพยานเอง และถามค้านพยานโจทก์ได้เท่านั้น ไม่มีสิทธิเรียกพยานของตนเข้าสืบ ดังประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๙๙ วรรค ๑ บัญญัติไว้ ผู้ร้องเข้ามาในคดีในฐานะเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้มรณะจึงมีสิทธิดำเนินคดีเท่าสิทธิของจำเลยที่มีอยู่เท่านั้น
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share