แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยเป็น+กองกำกับการตำรวจเทศบาล มีหน้าที่เกี่ยวแก่การบัญชีพัสดุและการเงินสดในการเบิกจ่ายเครื่องใช้และเครื่องแบบตำรวจเทศบาล+ข้อความอันเป็นหลักฐาน+ลงในใบสั่งตัด เพื่อจะใช้เบิกเงินจากเทศบาล+กรุงเทพฯ และโจทก์เห็นว่าจำเลยมีหน้าที่สลัก+ใบสั่งตัดคืนให้ผู้รับเหมาเพื่อเบิกเงินทางเทศบาล+การสืบนอกฟ้องนอกประเด็น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ มีหน้าที่ทำทะเบียนตำรวจและจัดการทำฎีกาเบิกสิ่งของเครื่องใช้และเรื่องแบบตำรวจเทศบาล จำเลยที่ ๒ มีหน้าที่เกี่ยวแก่การบัญชีพัสดุและการเงินสดเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ ๑ ในการเบิกจ่ายสิ่งของเครื่องใช้และเครื่องแบบตำรวจ ได้ยักยอกใบสั่งตัดเครื่องแบบนำไปขายแก่ผู้รับเหมาและจดข้อความเท็จลงในใบสั่งตัดมอบให้ผู้รับเหมาเพื่อเบิกเงินจากเทศบาล ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ ผิดต่อกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๑๓๑,๑๓๒,๑๓๓ และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณอาญา พ.ศ. ๒๔๗๗ (ฉะบับที่ ๒) มาตรา ๓ จำเลยที่ ๒ ผิดตามมาตรา ๒๓๐
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ ๑ ผิดตามมาตรา ๑๓๑ บทเดียว นอกนั้นพิพากษายืน แต่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่าจำเลยที่ ๒ ไม่ผิดมาตรา ๒๓๐ เพราะการจดข้อความสลักหลังใบสั่งตัดนั้น ไม่ใช่งานในตำแหน่งหน้าที่ของจำเลย เพราะไม่เกี่ยวแก่การบัญชีอย่างใด การที่โจทก์นำสืบหน้าที่ของจำเลยนอกออกไป จากนี้อีก เป็นการสืบนอกฟ้องไม่ควรรับฟังควรพิพากษาปล่อยจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๒ ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์ได้บรรยายหน้าที่ของจำเลยที่ ๒ ว่าไม่ฉะเพาะแต่การบัญชีพัสดุและการเงินสดเท่านั้น ยังได้ความว่ามีหน้าที่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ ๑ ในการเบิกจ่ายและใช้ใบสั่งตัดเป็นหลักฐานการเบิกจ่ายเงินให้ผู้รับเหมาดังนั้นการที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยที่ ๒ มีหน้าที่สลักหลังใบสั่งตัดคืนให้ผู้รับเหมาเพื่อไปเบิกเงินทางเทศบาลดังนี้ จึงไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้องประเด็นอย่างไร ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน