แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลย 3 คนสมคบกันทำร้ายผู้เสียหาย โดยจำเลยที่1 ใช้ไม้ตีมีบาดเจ็บ 1 แห่ง อีกสองคนคอยขัดขวางมิให้พวกของผู้เสียหายจับจำเลยที่ 1 ได้ ดังนี้จำเลยสมคบแบ่งหน้าที่กันทำผิด เป็นตัวการด้วยกันทั้งสามคน
ย่อยาว
คดีเรื่องนี้โจทก์ฟ้องกล่าวความว่า เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2496 เวลากลางคืน จำเลยทั้ง 3 บังอาจสมคบกันใช้ไม้เป็นศาสตราวุธทำร้ายร่างกายนายสนั่น ชัยรุ่งเรือง ถูกที่ศีรษะมีบาดเจ็บหนึ่งแห่งทั้งนี้โดยนายแก้วเป็นผู้ตี ส่วนนายแก้วมาและนายมูลคอยขัดขวางมิให้พวกของนายสนั่นไล่จับนายแก้ว เหตุเกิดที่ตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมือง จังหวัดลำปางขอให้ลงโทษ
จำเลยทั้ง 3 รับสารภาพตลอดข้อหา
ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาแล้ว เห็นว่านายแก้วจำเลยคนเดียวได้กระทำผิดดังโจทก์ฟ้อง ส่วนนายแก้วมาและนายมูลจำเลยเป็นแต่คอยขัดขวางมิให้นายแก้วจำเลยถูกจับกุม ซึ่งเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นหลังจากความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้สำเร็จโดยสมบูรณ์แล้วมิใช่เป็นเรื่องสมคบหรือช่วยเหลืออุปการในการทำร้าย อาจจะเป็นความผิดฐานอื่นแต่โจทก์มิได้ฟ้อง จึงไม่เป็นความผิดตามฟ้องและพิพากษาให้ลงโทษจำคุกนายแก้วจำเลยมีกำหนด 6 เดือน ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254 ลดฐานปรานีตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่ง คงเหลือ 3 เดือน ส่วนนายแก้วมาและนายมูลจำเลยนั้น ให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยตัวไป
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษนายแก้วมาและนายมูลจำเลยตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายนายสนั่น และกล่าวรายละเอียดเพื่อให้เห็นว่าจำเลยแยกหน้าที่กันกระทำเท่านั้น จึงเป็นตัวการสมคบกันทำร้ายร่างกาย และพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า นายแก้วมาและนายมูลจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254 ให้จำคุกคนละ 3 เดือนลดฐานปรานีตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุกคนละ 1 เดือน 15 วัน
นายแก้วมาและนายมูลจำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่าในตอนต้นโจทก์ได้บรรยายฟ้องชัดเจนแล้วว่าจำเลยได้บังอาจสมคบกันใช้ไม้ทำร้ายร่างกายนายสนั่น แต่เพราะเหตุที่มีบาดเจ็บเพียงแผลเดียวเพื่อมิให้เป็นที่สงสัยจึงแยกแยะการกระทำของจำเลยแต่ละคนให้ปรากฏว่านายแก้วเป็นคนลงมือตี ส่วนนายแก้วมาและนายมูลมีหน้าที่คอยกีดกั้นขัดขวางพวกของนายสนั่นไว้มิให้ไล่จับนายแก้วเป็นการล่วงรู้ความประสงค์และแยกหน้าที่กันกระทำเพื่อให้การทำร้ายเป็นผลสำเร็จไปด้วยดี และไม่ต้องถูกจับกุมด้วย จำเลยทั้ง 2 นี้ก็ได้รับสารภาพอยู่ว่าได้สมคบกันและหน้าที่ของตนเป็นเช่นนั้นจริงกรณีเป็นเรื่องการสมคบกันกระทำร้ายร่างกายดังที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
เหตุนี้จึงพิพากษายืน และให้ยกฎีกาของจำเลยทั้ง 2 นี้เสีย