แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของศาล เงินได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษาไปหมดแล้ว ภายหลังปรากฏว่า ที่ดินที่ขายทอดตลาดของศาลเป็นที่ธรณีสงฆ์ โอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ โดยไม่ใช่ความผิดของจำเลย ตั้งแต่ยึดจนกระทั้งขาย คือ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นฝ่ายนำยึด ศาลสั่งขาย จำเลยหาได้เกี่ยวข้องด้วยไม่ ทั้งจำเลยไม่ได้รับเงินค่าซื้อขายที่ดินอันไม่มีมูลหนี้จะต้องใช้คืนแก่โจทก์ จำเลยไม่ได้มาซึ่งทรัพย์สิ่งใด คดีไม่เข้าลักษณะลาภมิควรได้ โจทก์จะเรียกเงินคืนจากจำเลยไม่ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2503)
ผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ในคดีนี้ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกต้องเสียหาย เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีก่อนควรเป็นผู้รับผิดชอบในการยึดและขายทรัพย์สินโดยมิชอบนี้ หาใช่จำเลยไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของศาลจังหวัดอุบาลราชธานี เป็นเงิน ๖,๖๐๐ บาท ซึ่งศาลได้จ่ายชำระหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษาไปหมดแล้ว ต่อมาศาลฎีกาได้พิพากษาว่า ที่ดินแปลงนี้เป็นที่ธรณีสงฆ์จำเลยจึงเป็นผู้ได้ทรัพย์ที่โจทก์ชำระราคาที่ดินไปโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ เป็นทางที่โจทก์เสียเปรียบ จึงขอให้จำเลยคืนเงิน ๖,๖๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่า เป็นการขายทอดตลาดของศาล ผู้ขายไม่ต้องรับผิดจำเลยไม่ได้รับเงินจากโจทก์ และคดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่มีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ทำความเห็นแย้งว่า ควรพิพากษากลับ ให้จำเลยคืนเงิน ๖,๖๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า โจทก์ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของศาล เงินได้ชำระแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไปหมดแล้ว ภายหลังปรากฏว่าที่ดินที่ขายทอดตลาดเป็นที่ธรณีสงฆ์ โอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ โดยไม่ใช่ความผิดของจำเลย ตั้งแต่ยึดจนกระทั้งขาย คือ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นฝ่ายนำยึด ศาลสั่งขาย จำเลยหาได้เกี่ยวข้องด้วยไม่ ทั้งจำเลยไม่ได้รับเงินค่าซื้อขายที่ดินอันไม่มีมูลหนี้จะต้องใช้คืนแก่โจทก์ จำเลยไม่ได้มาซึ่งทรัพย์สิ่งใด คดีไม่เข้าลักษณะลาภมิควรได้
อนึ่ง นายสวัสดิ์ผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ของจำเลย จึงเป็นเหตุให้โจทก์ในคดีนี้ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกอยู่ในขณะนั้น ได้รับความเสียหาย ผู้ที่ต้องรับผิดชอบในการยึดและขายทรัพย์สินโดยมิชอบนี้ ควรเป็นนายเม่งโต เจ้าหนี้ ตามคำพิพากษาในคดีนั้น หาใช่จำเลยในคดีนี้ไม่ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๘๔ วรรค ๒
พิพากษายืน