แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าผู้เสียหายสมัครใจแต่งงานกับจำเลย แต่เพื่อปิดบังบิดามารดาจึงนัดหมายให้จำเลยมาฉุดคร่าห์ไปให้พ้นเขตที่จะต้องขอความยินยอมของบิดาผู้เสียหายตามประเพณี ดังนี้การที่จำเลยฉุดแขนผู้เสียหายไปนั้นจึงไม่เป็นผิดฐานฉุดคร่าห์เพื่อการอนาจารตาม ม.276.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกสมคบกันฉุดคร่าห์พาเอานางปะลางิงไปเพื่อการอนาจาร
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยทำผิดข้อหา พิพากษาจำคุกจำเลย ๖ เดือน ตาม ก.ม.อาญา ม.๒๗๖
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเดิมผู้เสียหายเป็นภรรยาจำเลยและหย่ากัน ต่อมาผู้เสียหายได้นัดหมายให้จำเลยพาผู้เสียหายไปแต่งงาน และเหตุที่ต้องพากันไปไกลก็เพื่อไม่ต้องได้รับความยินยอมจากบิดาผู้เสียหายตามประเพณีเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้บิดาขัดขวาง การที่จำเลยจับแขนผู้เสียหายไปนั้นเป็นการกระทำไปให้เห็นเป็นพิธีฉุดมากกว่าการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการบังอาจฉุดคร่าห์ผู้เสียหายไปเพื่ออนาจาร พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ได้ยกขึ้นกล่าวและเห็นว่าการที่จำเลยจับแขนผู้เสียหายไปนั้นหาเป็นความผิดฐานฉุดคร่าห์เพื่อการอนาจารตามฟ้องไม่ พิพากษายืน.