แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนไม่จดทะเบียนแต่ผู้เดียว มีอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับสิทธิการจดทะเบียนเครื่องการค้าของห้างหุ้นส่วนได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2499)
เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้ในต่างประเทศนั้นไม่มีผลบังคับในประเทศไทย แต่อาจเป็นข้อเท็จจริงที่จะใช้ฟังถึงสิทธิแห่งการเป็นเจ้าของและการใช้เครื่องหมายการค้านั้นได้
ย่อยาว
คดีนี้พิพาทกันเรื่องการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูป “เทพธิดาแห่งความเมตตา” โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการทำการค้าในนามเหลียงวิงซิง อยู่ที่ฮ่องกง เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าดังที่กล่าวแล้ว ซึ่งโจทก์ได้จดทะเบียนไว้ในประเทศจีน จำเลยบังอาจเอาเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปขอจดทะเบียนต่อกระทรวงเศรษฐการโดยลบชื่อห้างของโจทก์ออกเสีย จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านี้ดีกว่า จำเลยและห้ามมิให้จำเลยใช้เครื่องหมายการค้านั้นต่อไป
จำเลยต่อสู้ว่าการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศจีนไม่ก่อให้เกิดสิทธิในประเทศไทย โจทก์ยื่นขอจดทะเบียนในประเทศไทยทีหลังจำเลยและซ้ำกับจำเลย ๆ ประดิษฐเครื่องหมายนี้เองใช้มากว่า ๑๐ ปีแล้ว ห้างเหลียงวิงซิงไม่เป็นห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หนังสือมอบอำนาจลงนามหุ้นส่วนผู้จัดการคนเดียวไม่สมบูรณ์
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยมีสิทธิจดทะเบียนดีกว่าโจทก์พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยสรวมรอยเรียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์แล้วรีบไปจดทะเบียนก่อนโจทก์ พิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิจดทะเบียนดีกว่าจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ๑. การที่โจทก์จดทะเบียนการค้าในประเทศจีนนั้นหามีผลบังคับในประเทศไทยไม่ แต่ก็เป็นข้อเท็จจริงที่จะฟังถึงสิทธิแห่งการเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าประกอบข้ออ้างของโจทก์ได้
๒. การที่ศาลอุทธรณ์ชั่งน้ำหนักคำพยานว่าจำเลยสรวมรอยนำเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปจดทะเบียนนั้นชอบแล้ว
๓. ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่าตาม ป.พ.พ.ม.๑๐๓๓ การจัดการย่อมหมายถึงการฟ้องร้องและการต่อสู้คดีเกี่ยวกับประโยชน์ได้เสียของห้างหุ้นส่วนด้วย ห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียน ไม่เป็นบุคคลต่างหากจากบุคคลธรรมดา จึงบังคับได้ในเรื่องกรรมสิทธิรวม คดีนี้ไม่มีประเด็นตาม ป.พ.พ.ม.๑๐๔๙ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน