คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

(หมายเหตุ. ผลแห่งคดีนี้มีว่า ถ้าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามมาตรา 1304(1) ราษฎรผู้เข้ายึดถือมีสิทธิฟ้องคนอื่นได้)
คดีที่ฎีกาได้ฉะเพาะข้อกฎหมาย การอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาในฎีกาเพื่อให้วินิจฉัยข้อกฎหมายนั้นต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟัง มิฉะนั้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
กรณีที่ศาลฎีกาแปลความมุ่งหมายแห่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งไม่ใช่ฟังข้อเท็จจริงเอาเอง

ย่อยาว

คดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทที่จำเลยจอดแพอยู่นั้นเป็นที่อยุ่นอกเขตต์โฉนดของโจทก์แลเป็ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ม.๑๓๐๔ จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ที่ขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทโดยโจทก์อ้างว่าเป็นที่โจทก์ปกครองมาช้านานนั้น
โจทก์ฎีกาว่าที่รุกร้างว่าเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามมาตรา ๑๓๐๔ อนุมาตรา ๑ โจทก์มีสิทธิเข้ายึดถือปกครองได้ตามมาตรา ๑๓๓๔
ศาลฎีกาเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ได้ชี้ให้ชัดว่าเป็นที่สาธารณสมบัติตามอนุมาตรา ๑ ซึ่งเป็นที่รกร้างว่างเปล่าแล้วก็เป็นปัญหากฎหมายดั่งโจทก์ฎีกามา แต่เห็นว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยยืนตามศาลล่างว่าที่พิพาทเป็นทางสาธารณประโยชน์ตามอนุมาตรา ๒ ฉะนั้นข้อเท็จจริงที่โจทก์อ้างในฎีกาเพื่อให้วินิจฉัยข้อกฎหมาย จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา จึงไม่รับฎีกาโจทก์ไว้วินิจฉัยให้ยกฎีกา

Share