คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นตำรวจอยู่เวรรักษาเหตุการณ์บนสถานีตำรวจ ได้นำผู้ต้องขังตามหมายขังของศาลไปเสียจากที่คุมขังบนสถานีตำรวจ พาไปเที่ยวหาความสำราญในตลาด แม้ว่าจำเลยจะไปด้วยกับผู้ต้องขังนั้น ก็ไม่ถือว่าเป็นการควบคุมจำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 204 เพราะเป็นเรื่องไปเที่ยวหาความสำราญ ถือได้ว่า จำเลยได้กระทำให้ผู้ต้องขังหลุดพ้นจากการคุมขังไปแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนายสิบเวรสถานีตำรวจภูธรนครสวรรค์ จำเลยที่ ๒ มีหน้าที่อยู่เวรรักษาเหตุการณ์บนสถานีตำรวจนั้น จำเลยได้ร่วมกันไขกุญแจห้องขังผู้ต้องขังบนสถานีตำรวจแล้วพาเอานายประทีปหรือเบิ้ม ซึ่งต้องขังอยู่ตามหมายของศาลแขวงนครสวรรค์ออกไปจากที่คุมขัง พาไปที่ตลาดปากน้ำโพ ให้หลุดพ้นจากการคุมขังไปโดยไม่มีอำนาจที่จะทำได้ เป็นเหตุให้นายร้อยเวรและกรมตำรวจเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๑๕๗, ๑๙๑, ๒๐๐, ๒๐๔
จำเลยที่ ๑ปฏิเสธ
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า ได้พานายประทีปหรือเบิ้มไปตลาดปากน้ำโพเพื่อไปเอาเงินมาใช้จ่าย โดยนายประทีปหรือเบิ้มบอกว่า ได้ขออนุญาตจำเลยที่ ๑ แล้ว ครั้นไปถึงตลาดปากน้ำโพ นายประทีปหรือเบิ้มไม่ยอมกลับ จำเลยที่ ๒ จึงโทรศัพท์ให้ตำรวจไปคุมเอาตัวกลับคืน
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ ๑ ได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยที่ ๒ พานายประทีปหรือเบิ้มไปตลาดปากน้ำโพ แต่จำเลยที่ ๒ได้ควบคุมตัวนายประทีปหรือเพิ้มอยู่ตลอดเวลาเพื่อมิให้หลบหนี และเมื่อนายประทีปหรือเพิ้มไม่ยอมกลับ จำเลยที่ ๒ ก็ได้โทรศัพท์แจ้งให้ตำรวจที่สถานีตำรวจทราบ แสดงว่า จำเลยมิได้เจตนาให้นายประทีปหรือเพิ้มหลุดพ้นจากการคุมขังไป จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ทำผิดตามฟ้อง ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่า จำเลยที่ ๑ได้ร่วมทำผิดด้วย และฟังว่าจำเลยที่ ๒ ได้พานายประทีปหรือเพิ้มผู้ต้องขังไปเที่ยวเสพสุราตามซ่องโสเภณี แม้จะควบคุมอยู่ตลอดเวลา ก็มิใช่เป็นการควบคุมดูแลผู้ต้องขังตามทางราชการ เพราะมีระเบียบห้ามไว้ จำเลยที่ ๒ ต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ๒๐๔ แต่มีเหตุอันควรปราณีตาม มาตรา ๗๘ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงให้จำคุกจำเลยที่ ๒ไว้ ๖ เดือน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า การที่จำเลยที่ ๒ พานายประทีปหรือเบิ้มไปเที่ยวตลาดปากน้ำโพนั้น จำเลยได้ควบคุมอยู่มิได้เจตนาที่จะนายประทีปหรือเบิ้มหลุดพ้นไปจากที่คุมขัง การกระทำของจำเลยจึงไม่มีเจตนา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาฟังว่า นายประทีปหรือเบิ้มถูกขังตามหมายขังของศาลที่ห้องขังสถานีตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ จำเลยที่ ๒ ได้พานายประทีปหรือเบิ้มไปเสียจากที่คุมขัง โดยไม่มีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย พาไปตลาดปากน้ำโพ ถึงจำเลยที่ ๒ จะไปด้วยกับนายประทีปหรือเบิ้ม ก็ไม่ถือว่าเป็นการควบคุม เพราะเป็นเรื่องไปเที่ยวหาความสำราญ จำเลยยกข้อนี้ขึ้นอ้างว่าจำเลยไม่มีเจตนาที่จะให้นายประทีปหรือเบิ้มหลุดพ้นไปจากที่คุมขัง นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยพานายประทีปหรือเบิ้ม ไปจากสถานีตำรวจที่นายประทีปหรือเบิ้มต้องขังอยู่ตามหมายของศาล นั้นถือได้ว่า จำเลยได้กระทำให้นายประทีปหรือเบิ้มหลุดพ้นจากการคุมขังไปแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๐๔ จำเลยต้องมีความผิดตามฟ้อง
พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share