ใช้เวลาอ่านประมาณ 1 นาที
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1455/2562
พ.ร.บ.ความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย
การฟ้องคดีผู้บริโภคโจทก์เพียงบรรยายข้อเท็จจริงที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีรวมทั้งคำขอบังคับชัดเจนพอที่จะทำให้เข้าใจได้ตามที่บัญญัติในมาตรา 20 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 ก็เป็นการเพียงพอ โจทก์หาจำต้องปรับบทกฎหมายที่ฝ่ายจำเลยต้องรับผิดมาในคำฟ้องไม่ การที่โจทก์ตั้งข้อหาในฟ้องว่าเป็นเรื่องสินค้าที่ไม่ปลอดภัยเพราะความชำรุดบกพร่องของรถพิพาทและฟ้องให้จำเลยที่ 1 ผู้ผลิต จำเลยที่ 2 ผู้รับหรือซื้อรถพิพาทจากจำเลยที่ 1 ไปจำหน่าย จำเลยที่ 3 ผู้แทนจำหน่ายของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 ผู้ให้เช่าซื้อรถพิพาทแก่โจทก์ ร่วมกันรับผิดโดยบรรยายฟ้องถึงเหตุแห่งความรับผิดว่า รถพิพาทมีความชำรุดบกพร่อง เครื่องยนต์ดับในขณะที่รถแล่นหรือจอดและไม่สามารถติดเครื่องยนต์ได้ ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตของโจทก์และผู้อื่นนั้น นอกจากเป็นการฟ้องให้รับผิดตาม พ.ร.บ.ความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. 2551 แล้ว ยังเป็นการฟ้องให้จำเลยทั้งสี่รับผิดในความชำรุดบกพร่องของรถพิพาทซึ่งอยู่ในเกณฑ์ต้องบังคับตาม ป.พ.พ. และ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 อยู่ด้วย ฟ้องโจทก์หาได้จำกัดความรับผิดของจำเลยทั้งสี่เพียงในฐานะเป็นผู้ประกอบการตาม พ.ร.บ.ความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. 2551 ไม่
จำเลยที่ 3 เป็นผู้จำหน่ายรถพิพาทแก่โจทก์ จึงอยู่ในฐานะผู้ขายรถพิพาทซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจโดยมีโจทก์อยู่ในฐานะเป็นผู้ซื้อซึ่งเป็นผู้บริโภคตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 แม้จำเลยที่ 3 ตกลงให้โจทก์ใช้วิธีการเช่าซื้อรถพิพาทและจัดหาจำเลยที่ 4 ให้เป็นผู้ให้เช่าซื้อโดยมีโจทก์เป็นผู้เช่าซื้อ ก็หามีผลเปลี่ยนแปลงนิติสัมพันธ์ระหว่างจำเลยที่ 3 กับโจทก์ดังกล่าวไม่ เมื่อรถพิพาทมีความชำรุดบกพร่อง จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ขายจึงต้องรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องนั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 472 จึงไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายส่วนนี้ ./
จำเลยที่ 2 ซึ่งให้จำเลยที่ 3 เป็นผู้จำหน่ายรถเชฟโรเลตรวมทั้งรถพิพาทแก่ตนนั้น ตามพฤติการณ์ในการประกอบธุรกิจของจำเลยที่ 1 ผู้ผลิตรถเชฟโรเลต ที่มีจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนจำหน่าย และจำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 3 เป็นผู้แทนจำหน่ายของตน โดยมีระบบการรับประกันรถยนต์ที่จำหน่ายด้วยการให้ศูนย์บริการของเชฟโรเลตทั่วประเทศให้บริการซ่อมและบำรุงรักษารถเชฟโรเลตตามระยะเวลาหรือระยะทางที่รับประกันภายใต้การควบคุมคุณภาพและกำกับดูแลมาตรฐานการซ่อมของจำเลยที่ 2 โดยใกล้ชิด ซึ่งย่อมเป็นไปเพื่อรักษาชื่อเสียงรถยนต์เชฟโรเลตที่จำเลยที่ 1 ผลิตให้เป็นที่เชื่อถือในท้องตลาด อันเป็นประโยชน์ในธุรกิจของจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ผลิต จำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนจำหน่ายร่วมกับจำเลยที่ 3 ในฐานะผู้แทนจำหน่ายของจำเลยที่ 2 กรณีเช่นนี้ แม้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จะเป็นนิติบุคคลต่างหากจากกัน จำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็มีฐานะเป็นผู้ร่วมกันประกอบธุรกิจจำหน่ายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์เชฟโรเลตรวมทั้งรถพิพาทแก่โจทก์ซึ่งเป็นลูกค้าผู้บริโภคและต่างต้องร่วมกันกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์ในความชำรุดบกพร่องของรถพิพาทด้วย
จำเลยที่ 4 ผู้ให้เช่าซื้อและเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถพิพาท ย่อมมีหน้าที่ส่งมอบรถพิพาทให้แก่โจทก์ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในสภาพที่เรียบร้อยและสมบูรณ์ จำเลยที่ 4 ไม่อาจอ้างว่าเป็นเพียงผู้ให้สินเชื่อแก่โจทก์ในการซื้อรถพิพาทจากจำเลยที่ 3 แล้วนำออกให้โจทก์เช่าซื้อขึ้นเป็นเหตุปฏิเสธความรับผิดได้ ที่จำเลยที่ 4 ให้การปฏิเสธความรับผิดในความชำรุดบกพร่องของรถพิพาทโดยอ้างความตกลงตามสัญญาเช่าซื้อ เอกสารหมาย ล.5 ข้อ 3 ที่ระบุความว่า ผู้เช่าซื้อไม่มีสิทธิเรียกร้องใด ๆ สำหรับความชำรุดบกพร่องของรถยนต์ที่เกิดขึ้นหรือปรากฏหลังจากวันที่ผู้เช่าซื้อรับมอบรถยนต์ ไม่ว่าตรวจพบขณะส่งมอบหรือไม่ เจ้าของไม่ต้องรับผิดเนื่องจากความชำรุดบกพร่องนั้น พ.ร.บ.ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. 2540 มาตรา 6 บัญญัติว่า สัญญาระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจการค้าหรือวิชาชีพที่มีการชำระหนี้ด้วยการส่งมอบทรัพย์สินให้แก่ผู้บริโภค จะมีข้อตกลงยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ประกอบธุรกิจการค้าหรือวิชาชีพเพื่อความชำรุดบกพร่องหรือเพื่อการรอนสิทธิไม่ได้ เว้นแต่ผู้บริโภคได้รู้ถึงความชำรุดบกพร่องหรือเหตุแห่งการรอนสิทธิอยู่แล้วในขณะทำสัญญา ในกรณีนี้ให้ข้อตกลงยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดนั้นมีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 7 เช่นนี้ ข้อตกลงที่ยกเว้นความรับผิดกรณีชำรุดบกพร่องที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่รับมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อซึ่งไม่สามารถตรวจพบขณะส่งมอบ จึงเป็นข้อตกลงที่ก่อให้จำเลยที่ 4 ผู้ให้เช่าซื้อเกิดความได้เปรียบโจทก์ผู้เช่าซื้อซึ่งเป็นผู้บริโภคเกินสมควรจึงไม่อาจบังคับได้ เมื่อความชำรุดบกพร่องของรถพิพาทปรากฏขึ้นภายหลังจากวันที่โจทก์รับมอบรถพิพาทแล้ว จำเลยที่ 4 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์ด้วยตาม ป.พ.พ. มาตรา 472 ซึ่งใช้บังคับแก่การเช่าซื้อด้วยตามมาตรา 549
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถพิพาทในขณะโจทก์ฟ้องคดี ทั้งไม่ใช่ผู้รับชำระค่าเช่าซื้อรถที่โจทก์ชำระไปแล้วจากโจทก์ โจทก์ในฐานะผู้บริโภคคงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนสินค้าที่ชำรุดบกพร่องและเรียกค่าเสียหายภายใต้บังคับของกฎหมายเท่านั้น กรณีย่อมไม่อาจบังคับให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 รับรถพิพาทคืนไปจากโจทก์และชำระค่าเช่าซื้อรถที่โจทก์ชำระไปคืนแก่โจทก์ตามคำขอบังคับของโจทก์ได้ ส่วนจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถพิพาทและเป็นผู้ให้เช่าซื้อ ส่งมอบรถพิพาทที่มีความชำรุดบกพร่องแม้ไม่เห็นประจักษ์ในขณะส่งมอบให้แก่โจทก์ ย่อมเป็นการชำระหนี้ที่ไม่ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ จำเลยที่ 4 จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าซื้อ เมื่อสัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาต่างตอบแทน โจทก์ย่อมปฏิเสธยังไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาได้จนกว่าจำเลยที่ 4 จะปฏิบัติตามสัญญาด้วยการแก้ไขปัญหาความชำรุดบกพร่องให้รถพิพาทที่เช่าซื้ออยู่ในสภาพสมบูรณ์เรียบร้อยพร้อมใช้งานได้อย่างปลอดภัยเสียก่อน และจำเลยที่ 4 จะยกเอาเหตุที่โจทก์ไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามกำหนดเป็นเหตุผิดนัดเพื่อบอกเลิกสัญญาไม่ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 369 การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อของจำเลยที่ 4 จึงไม่มีผลเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยชอบ แม้คดีไม่ปรากฏจากทางนำสืบของโจทก์ว่า ก่อนฟ้องคดีโจทก์นำรถพิพาทไปคืนหรือแสดงเจตนาคืนรถพิพาทให้แก่จำเลยที่ 4 หรือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ แต่การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยที่ 4 รับรถพิพาทคืนไป ย่อมเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อด้วยเหตุอันเกิดแต่จำเลยที่ 4 เป็นฝ่ายผิดสัญญา คู่กรณีจึงต้องกลับสู่ฐานะเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 โจทก์จึงขอให้บังคับจำเลยที่ 4 ใช้เงินค่าเช่าซื้อที่โจทก์ชำระไปแล้วแก่โจทก์ได้ โดยโจทก์ต้องส่งมอบรถพิพาทคืนแก่จำเลยที่ 4 และต้องชำระค่าใช้รถพิพาทแก่จำเลยที่ 4 ด้วย เมื่อพิเคราะห์ถึงเงินลงทุนและค่าธรรมเนียมเช่าซื้อตามสัญญาเช่าซื้อ เอกสารหมาย จ.5 ประกอบด้วยแล้ว เห็นควรกำหนดให้จำเลยที่ 4 รับผิดคืนเงินส่วนนี้แก่โจทก์ 250,000 บาท เมื่อโจทก์ส่งมอบรถพิพาทที่มีความชำรุดบกพร่องของเครื่องยนต์ดังวินิจฉัยคืนแก่จำเลยที่ 4 โดยสภาพรถพิพาทส่วนอื่นอยู่ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดีแล้วเสียก่อน
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ไม่ใช่ผู้ประกอบการตาม พ.ร.บ.ความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. 2551 จึงไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายเชิงลงโทษ และแม้คำฟ้องโจทก์เป็นการขอบังคับตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 อยู่ด้วย ซึ่งตามมาตรา 42 เป็นบทบัญญัติให้ศาลกำหนดค่าเสียหายเชิงลงโทษได้ แต่เมื่อไม่ปรากฏความว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 มีการกระทำโดยเจตนาเอาเปรียบโจทก์โดยไม่เป็นธรรม หรือจงใจให้โจทก์ได้รับความเสียหาย หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงไม่นำพาต่อความเสียหายที่จะเกิดแก่โจทก์ หรือกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนต่อความรับผิดชอบของตน อันเป็นเหตุที่จะกำหนดให้รับผิดในค่าเสียหายเชิงลงโทษได้ตามพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 42 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4
(ฎีกา 1455/2562) (อัพเดท 24.02.2563)