คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีที่อัยยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งความผิดต่อส่วนตัวและอาญาแผ่นดินนั้นว่าเจ้าทุกข์ได้มอบคดีให้เจ้าพนักงานจัดการฟ้องร้องในความผิดต่อส่วนตัวเพียงปรากฏในฟ้องว่าเจ้าพนักงานสอบสวนได้จัดการสอบสวนคดีอาญาแผ่นดินยังไม่พอจะถือว่าเจ้าทุกข์ได้ขอให้ว่ากล่าวสำหรับความผิดต่อส่วนตัว+ถือว่าโจทก์บรรยายความผิดและประสงค์ให้ลงโทษตามมาตรา 227

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกับพวกที่ยังจับตัวไม่ได้กล่าวคำหลอกลวงนางหะยีแมะแฉะว่าจำเลยจะซื้อ คูปองยางของนางหะยีแมะแฉะนายหะยีแมะแฉะหลงเชื่อจึงส่งมอบคูปองยางเพื่อขายให้แก่จำเลยกับพวก ๆ รับคูปองยางไปแล้วกลับมีเจตนาทุจจริตเอาคูปองซึ่ง จำเลยทำขึ้นไว้สับเปลี่ยนเอาคูปองที่แท้จริงของนางหะยีแมะแฉะไว้เสีย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๐๔, ๒๒๔, ๒๒๗, ๖๓,
จำเลยให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นเห็นว่าในข้อหาว่าฉ้อโกงโจทก์มิได้บรรยายในฟ้องว่าเจ้าทุกข์ได้มอบคดีให้โจทก์ฟ้อง จำเลยอัยยการโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยได้ ส่วนข้อหา ตามมาตรา ๒๒๗ นั้น เห็นว่าตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์นี้ต้องหมายความว่าโจทก์ยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ทำคูปองปลอม ปรากฏแต่เพียงว่า จำเลยรู้เห็นในการใช้คูปองปลอมเท่านั้น ข้อเท็จจริงที่ โจทก์นำสืบต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง ลงโทษ จำเลยไม่ได้ ตาม ประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๙๒ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาฐานฉ้อโกงเสีย แต่ส่วนในข้อหาฐานใช้คูปองปลอมตามมาตรา ๒๒๗ นั้นโจทก์ได้บรรยายในฟ้องแล้วว่า จำเลยสับเปลี่ยนเอาคูปองที่แท้จริงไว้เสีย เห็นได้ว่ามีความประสงค์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานนี้ด้วยจึงได้อ้างมาตรา ๒๒๗ มาท้ายฟ้องจึงพิพากษาแก้ศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๒๗
โจทก์จำเลยฎีกาต่อมาโจทก์ขอให้ ลงโทษฐานฉ้อโกงด้วยจำเลยฎีกาว่าตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏจะลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๒๗ ไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่าในข้อหาฐานฉ้อโกงนั้นโจทก์ไม่ได้กล่าวในฟ้องและไม่มีพะยานสืบให้ฟังได้ชัดแจ้งว่า เจ้าทุกข์ใด้มอบคดีให้เจ้าพนักงานจัดการฟ้องข้อหาฐานฉ้อโกงเพียงแต่ปรากฏในฟ้องว่าเจ้าพนักงานสอบสวนได้จัดการสอบสวนคดีอาญาแผ่นดินซึ่งรวมอยู่ด้วยแล้วเท่านั้น ยังไม่พอจะถือว่าเจ้าทุกข์ได้ขอให้เจ้าพนักงานทำคดีนั้นขึ้นฟ้องร้องสำหรับความผิดฐานฉ้อโกง ส่วนข้อหาฐานใช้คูปองปลอมโจทก์บรรยายในฟ้องว่า “สับเปลี่ยนเอาคูปองที่แท้จริงไว้เสีย ” เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดแล้วจะเห็นได้ว่า โจทก์มีความประสงค์ขอให้ ลงโทษฐานนี้ด้วยจึงอ้างมาตรา ๒๒๗ มาท้ายฟ้อง เมื่อคูปองปลอมสับเปลี่ยนแล้ว จำเลยสมคบกับพวกใช้คูปองปลอมสับเปลี่ยนแล้ว จำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการด้วย จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share