แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤติการณ์ที่เป็นรับของโจรไม่ใช่ลักทรัพย์ พวกเจ้าทรัพย์บันทุกข้าวลงเรือโป๊ะและปิดปากระวางเองแต่มิได้กับเรือถึงกลางทะเลพวกเรือโป๊ะขนข้าวขึ้นจากปากระวาง ถ่ายลงเรือฉลอมมารับซื้อ พวกเรือโป๊ะผิดฐานลักทรัพย์ไม่ใช่ยักยอก และเป็นการลักทรัพย์สำเร็จแต่เมื่อขนข้าวขึ้นพักไว้ที่ปากเรือแล้วส่วนพวกเรือฉลอมมีความผิดฐานรับของโจร
ย่อยาว
ได้ความว่าบริษัทมิตซุยบิชิเจ้าทรัพย์ได้จัดการบันทุกข้าวสารลงเรือน่ำตุ้นอานของนางปุ่นเพื่อไปส่งเรือใหญ่ที่เกาะสีชัง คนของเจ้าทรัพย์เป็นผู้ตรวจตีตราปากระวางแต่ไม่มีคนควบคุมไปด้วย จำเลยที่ ๑ ถึง ๑๓ เป็นคนเรือนำตุ้นอาน ถึงกลางทะเลเวลา ๒๓ น. พวกจำเลยได้หยุดเรือทอดสมอ ฝ่ายจำเลยที่ ๑๔ ถึง ๑๙ ซึ่งแล่นเรือฉลอมตามไปได้เข้าเทียมทำาการถ่ายเทข้าวโดยคนในเรือน่ำตุ้นอานเทข้าวขากกระสอบให้ไหลตามผ้าใบไปลงเรือฉลอม คนในเรือฉลอมช่วยโกยข้าวไม่ให้เรือเอียงและช่วยจับเรือ ถ่ายเทข้าวไปได้ ๑๒๐ กระสอบแล้วแยกทางกันไป ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ ๑,๒,๓,๔,๘,๑๑,๑๒,๑๓ ตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๓(๑,๑๑) คนละ ๑ ปี ๖ เดือน ส่วนจำเลยที่ ๕,๖,๗,๙ , ๑๐ คดียังไม่พอลงโทษ สำหรับจำเลยที่ ๑๔ถึง ๑๙ มีความผิดฐานรับของโจรให้จำคุกคนละ ๑ ปี ๓ เดือน
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการถ่ายข้าวซึ่งซื้อขายกันนี้เป็นเรื่องลักทรัพย์มไม่ใช่ยักยอกเพราะจำเลยมิได้รับมอบหมายอย่างใด คนของโจทก์เป็นผู้ตีตราปิดปากระวางเรือมาก่อนส่วนคนในเรือฉลอมซึ่งช่วยโกยข้าวและจับเรือเห็นว่าเป็นส่วนหนึ่งของการลักทรัพย์เพราะการเอาข้าวขึ้นมาที่ปากเรือยังไม่พ้นความยึดถือของเจ้าของโดยเด็ดขาด จะสำเร็จต่อเมื่อถ่ายลงเรือเล็กแล้ว ฉนั้นจำเลยที่ ๑๔ ถึง ๑๙ จึงผิดฐานลักทรัพย์ด้วย มิใช่รับของโจร จึงพิพากษาแก้บทลงโทษ แต่คงวางโทษตามกำหนดเดิม เว้นแต่จำเลยที่ ๘,๑๕,๑๖ ยังไม่ได้ความว่ากระทำผิดให้ยกฟ้อง แต่มีความเห็นแย้งของผู้พิพากษานายหนึ่งว่า การกระทำของจำเลยพวกที่อยู่ในเรือฉลอมควรเป็นผิดฐานรับของโจร มิใช่ลักทรัพย์.
โจทย์กับจำเลยที่ ๑๔ ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของพวกเรือน่ำตุ้นอานเป็นการลักทรัพย์ไม่ใช่ยักยอกถูกต้องแล้ว เพราะพวกเจ้าทรัพย์เป็นคนบันทุกข้าวลงเรือและปิดระวางเอง เมื่อถึงปลายทางคนของเจ้าทรัพย์ก็มาเปิดระวางเอง พวกจำเลยไม่ได้รับมอบหมายหรือครอบครองข้าวนั้นแต่อย่างใดเลย และเมื่อพวกบนเรือโป๊ะขนข้าวขึ้นจากระวางวางไว้ที่ปากเรือเตรียมจำหน่ายแก่พวกเรือฉลอม ก็เป็นการลักทรัพย์สำเร็จแล้วเพราะได้เอาไปซึ่งข้าวสารนั้นแล้วเพียงแต่ยังพักไว้ที่ปากเรือเท่านั้น ตามแบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๕๓/๒๔๘๔ ส่วนพวกเรือฉลอมที่รับซื้อและช่วยขนไปนั้น โดยรู้ดีว่าเป็นของได้มาจากการกระทำผิด เพราะได้กระทำการกันในเวลาค่ำคืน ในกลางทะเลและด้วยราคาถูก เช่นนี้จึงมีความผิดฐานรับของโจร รวมทั้งจำเลยที่ ๑๕ ด้วย จึงพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ให้จำคุกจำเลยที่ ๑๔,๑๗,๑๘,๑๙ ตามมาตรา ๓๒๑ กำหนดโทษคงเดิมและจำคุกจำเลยที่ ๑๕ มีกำหนด ๑ ปี ๓ เดือนเช่นเดียวกัน นอกนั้นคงพิพากษายืน