คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงที่ต้องกล่าวในฟ้องฐานฉ้อโกงนั้น ต้องกล่าวไม่เฉพาะแต่ความเท็จ จำต้องกล่าวถึงความจริงว่าเป็นประ การใดด้วย ถ้ามีแต่ความเท็จอย่างเดียว ส่วนความจริงไม่ปรากฎ ก็เป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 1048/ 2493.
ฟ้องในข้อหาฐานฉ้อโกงที่กล่าวแต่ความเท็จ ไม่ได้กล่าวว่าความจริงเป็นประการใดด้วยนั้น ถ้าพอจะค้นหาความ จริง ได้ในฟ้องข้อนั้นเองหรือในฟ้องข้ออื่นแล้ว ศาลก็ย่อมหยิบยกเอาความจริงที่ค้นมาได้นั้น มาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ หาว่าจำเลยกล่าวเท็จนั้นเป็นเท็จจริงหรือไม่
ฟ้องข้อ 1 กล่าวหาว่า จำเลยฉ้อโกงโดยเอาความเท็จมากล่าว,ฟ้องข้อ 2 ว่า ถึงกำหนดแล้วจำเลยหาได้นำทรัพย์ที่เอา ไปคืนให้โจทก์ไม่ ดังนี้เป็นเรื่องผิดคำรับรองหรือผิดสัญญาในทางแพ่ง เพราะโจทก์ไม่ได้ยืนยันมาในฟ้องว่า ่จำเลย ได้ตั้งใจจะไม่คืนทรัพย์ให้แก่โจทก์มาตั้งแต่ต้น เพียงแต่ถึงกำหนดแล้ว ไม่คืนจะว่าเป็นความเท็จมาแต่ต้นย่อมไม่ ได้ ฟ้องดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 (5) .

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า ข้อ ๑ เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๒ เวลากลางวันจำเลยได้พูดขอรับเครื่องทองรูปพรรณไปจาก โจทก์หลายอย่างปรากฎตามบัญชีท้ายฟ้อง รวมเป็นราคา ๑๐๔๘๐ บาท โดยจำเลยใช้อุบายหลอกลวงด้วยความเท็จว่าจะ นำเครื่องทองรูปพรรณไปขายให้ และเมื่อขายได้เท่าใดจำเลยจะนำเงินค่าเครื่องทองรูปพรรณมาใข้ให้โจทก์ ถ้าขายไม่ ได้ จำเลยก็จะนำเครื่องทองรูปพรรณมาคืนให้โจทก์ภายในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๙๓ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตคิด หลอกลวงโจทก์ ๆ หลงเชื่อถ้อยคำของจำเลย และได้ส่งมอบเครื่องทองรูปพรรณตามบัญชีท้ายฟ้องให้แก่จำเลยไป.
ข้อ ๒. ครั้นต่อมาถึงกำหนดเวลาในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๙๓ และจนกระทั่งบัดนี้จำเลยก็ยังหาได้นำเงินค่าเครื่องทอง รูปพรรณมาใช้ให้โจทก์ไม่ ทั้งเครื่องทองรูปพรรณที่จำเลยรับไปจากโจทก์จำเลยพูดบิดพลิ้วโดยประการต่าง ๆ ฯลฯ ขอ ให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๐๔
จำเลยปฏิเสธต่อสู้ตัดฟ้องหลายประการ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานฉ้อโกง ให้จำคุก ๖ เดือน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่จะต้องกล่าวในฟ้อง ในข้อหาฐานฉ้อโกงนั้น ต้องกล่าวในฟ้องไม่เฉพาะแต่ความเท็จ จำต้อง กล่าวถึงความจริงว่าเป็นประการใดด้วย ถ้ามีแต่ความเท็จอย่างเดียว ส่วนความจริงไม่ปรากฎ ก็เป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ตาม คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๔๘/๒๔๙๓ ตามฟ้องของโจทก์ในคดีเรื่องนี้เท่าที่พอจะค้นหาความจริงได้ ก็คือฟ้องข้อ ๒ ที่ว่า ถึงกำหนดแล้ว จำเลยไม่คืนเงินหรือเครื่องทองรูปพรรณให้ ฯลฯ ความข้อนี้เป็นเรื่องผิดคำรับรองหรือผิดสัญญาในทาง แพ่ง เพราะโจทก์ไม่ยืนยันมาในฟ้องว่า จำเลยได้ตั้งใจจะไม่คืนเงินค่าเครื่องทองรูปพรรณหรือ จะไม่คืนเครื่องทองรูป พรรณให้แก่โจทก์มาแต่ต้นเพียงแต่ถึงกำหนดแล้ว ไม่คืนจะว่าเป็นความเท็จมาแต่ต้นย่อมไม่ได้ โดยชั้นต้นจำเลย อาจตั้งใจคืน แต่ภายหลังเกิดมีเหตุขัดข้องคืนไม่ได้ ก็จะกลายเป็นความเท็จมาแต่ต้นไป ถ้าตัดความตามข้อ ๒ ออกเสีย แล้ว ลำพังฟ้องข้อ ๑ ไม่ปรากฎเลยว่าความจริงเป็นประการใด จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๕๘ (๕)
จึงพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลยไป

Share