แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มารดาจะยกนาแปลงหนึ่งให้แก่บุตรแต่มารดาต้องการเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อจะเอาไปซื้อที่นาที่จังหวัดอื่นบุตร จึงหาเงินตามจำนวนนั้นให้มารดาไปแต่ให้มารดาทำเป็นหนังสือกู้เงินจำนวนนั้นให้บุตร ยึดถือไว้ มารดาจึงทำโอนยกที่นานั้นแก่บุตรที่หอทะเบียน นับแต่มารดารับเงินจากบุตรดังกล่าวไปแล้วเป็นเวลานาน 9 ปีมารดาก็ไ่ได้ให้ดอกเบี้ยแก่บุตรเลย ดังนี้ไม่เป็นการกู้จริงจังวินิจฉัยว่า มารดาไม่ได้ยกที่นานั้นให้แก่บุตรโดยเสน่หาตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 521 ฉะนั้นมารดาจะฟ้องขอให้เพิกถอนและเรียกคืนฐานบุตรเนรคุณไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอถอนคืนการให้ที่นาจากจำเลยผู้เป็นบุตร โดยอ้างว่าจำเลยเนรคุณ
จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยได้ให้เงินค่าที่ดินเป็นค่าตอบแทนโจทก์จะขอให้เพิกถอนไม่ได้
ศาลชั้นต้นเชื่อว่า จำเลยเนรคุณโจทก์ผู้เป็นมารดาจริง พิพากษาเพิกถอนการให้ที่ดินตามฟ้อง ให้จำเลยคืนที่ดินให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า โจทก์ยกที่นาพิพาทให้จำเลย แต่โจทก์ต้องการเงิน 1,940 บาท เพื่อเอาซื้อที่นาที่จังหวัดพิจิตร โจทก์ให้จำเลยหาเงินจำนวนนี้มาให้ จำเลยก็ตกลง โจทก์จำเลยจึงพากันไปทำการโอนยกที่นารายพิพาทต่อหอทะเบียน วันรุ่งขึ้นจำเลยหาเงินให้โจทก์ 1,940 บาทจำเลยให้โจทก์ทำเป็นหนังสือกู้เงินให้จำเลยยึดถือไว้ โจทก์รับเงินแล้วก็ไปจังหวัดพิจิตรพร้อมด้วยบุตรคนอื่น ต่อมาโจทก์กับบุตรชายคนเล็กกลับจากจังหวัดพิจิตรมาอยู่กับจำเลย นับแต่โจทก์รับเงินไปจากจำเลยเป็นเวลานาน 9 ปี ไม่ปรากฏว่า โจทก์ได้ให้ดอกเบี้ยแก่จำเลย ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ไม่ได้ยกที่นาพิพาทให้แก่จำเลยโดยเสน่หา ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 521 ฉะนั้นโจทก์จะฟ้องขอให้เพิกถอนและเรียกคืนฐานจำเลยเนรคุณไม่ได้ คดีไม่จำต้องพิจารณาถึงข้อเท็จจริงว่า จำเลยเนรคุณโจทก์จริงหรือไม่ต่อไป
จึงพิพากษายืน