คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2277/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 3 ร่วมเดินทางมากับจำเลยที่ 1 และที่ 2จากจังหวัดภูเก็ต มาจังหวัดสงขลาด้วยรถยนต์กระบะแล้วเข้าพักในโรงแรมเดียวกันจำเลยที่ 3 เป็นผู้ถือกระเป๋าสีดำเข้าไปในโรงแรม ต่อมาจำเลยที่ 1 หิ้วกระเป๋าออกจากโรงแรมขับรถออกไปพร้อมกับจำเลยที่ 2 และถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในที่เกิดเหตุพร้อมเฮโรอีนที่บรรจุในกระเป๋าสีดำ ดังนี้แม้จำเลยที่ 3 จะไม่ถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2แต่ตามพฤติการณ์ เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1และที่ 2 กระทำผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอีนจำนวน 1 ถุงหนัก 1.780 กิโลกรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 7(1), 8, 15, 66, 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และริบของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7(1), 8,15 วรรคสอง, 16 วรรคสอง, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม คำรับสารภาพในชั้นจับกุมของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และคำเบิกความของจำเลยที่ 3เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ประกอบกับมาตรา 52(1) คงจำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิตริบของกลางทั้งหมด
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3 แม้จะไม่ถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 แต่จำเลยที่ 3 ก็รับว่าเดินทางมาจังหวัดสงขลา พร้อมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 และพักอยู่ที่โรงแรมพิมานด้วยกัน จำเลยที่ 1 ก็เบิกความเจือสมกับข้อนำสืบของโจทก์ว่าก่อนเดินทางจากจังหวัดภูเก็ตมาจังหวัดสงขลาจำเลยที่ 3 หิ้วกระเป๋าสีดำเอามาไว้ในรถด้วยร้อยตำรวจเอกอุทัยผู้จับกุมจำเลยที่ 3 เบิกความว่าในวันเกิดเหตุเมื่อรถยนต์กระบะสีแดงตามที่สายลับแจ้งแล่นเข้าไปจอดที่โรงแรมพิมาน จำเลยที่ 3 หิ้วกระเป๋าสีดำเดินเข้าไปในโรงแรมต่อมาเวลา 12 นาฬิกา จำเลยที่ 1 หิ้วกระเป๋าออกมาจากโรงแรมขับรถออกไปพร้อมกับจำเลยที่ 2และถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมที่แหลมสมิหลาพร้อมเฮโรอีนที่บรรจุอยู่ในกระเป๋าสีดำ การมียาเสพติดให้โทษจำนวนมากไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีโทษสูง การขนย้ายหรือจำหน่ายผู้กระทำผิดย่อมปกปิดเป็นความลับ ให้รู้กันเฉพาะผู้ร่วมกระทำผิด การที่จำเลยที่ 3 ร่วมเดินทางมากับจำเลยที่ 1และที่ 2 ของจังหวัดภูเก็ตมาจังหวัดสงขลาเข้าพักในโรงแรมเดียวกันและเป็นผู้ถือกระเป๋าสีดำเข้าไปในโรงแรมพฤติการณ์เชื่อได้ว่า จำเลยที่ 3 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วยดังโจทก์ฟ้อง แต่ตามพฤติการณ์ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามเป็นตัวการสำคัญในกระบวนการค้ายาเสพติดให้โทษ ที่ศาลล่างทั้งสองวางโทษจำเลยทั้งสามถึงประหารชีวิตมานั้นหนักเกินไป ศาลฎีกาสมควรแก้ไขให้เบาลงอีก
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิตคำรับสารภาพในชั้นจับกุมของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และคำเบิกความของจำเลยที่ 3 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้านลงโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ประกอบด้วยมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 33 ปี 4 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share