คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 131(2),133,139 นั้น เมื่อจำเลยยื่นคำให้การฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นสั่งว่า ……ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยนั้น ศาลได้พิจารณาแล้ว……..จึงพร้อมกันมีคำสั่งให้ยกฟ้องแย้งเสียค่าธรรมเนียมเป็นพับ เช่นนี้ เป็นปริยายว่าศาลชั้นต้นพิจารณาเสร็จแล้วจึงชี้ขาดฟ้องแย้งโดยทำเป็นคำสั่งให้ยกฟ้องแย้ง ไม่ใช่สั่งให้คืนไปหรือไม่รับ ตามมาตรา 18
ฟ้องแย้งว่า โจทก์มีหนังสือขอให้จำเลยไปพบเพื่อรับคำบอกกล่าวขับไล่ หรือทำสัญญาเช่าแล้วแต่กรณี จำเลยได้ทำหนังสือขอทำสัญญาเช่าแต่โจทก์เรียกเงินกินเปล่า 30,000 บาท กับชำระค่าเช่าที่ค้าง จำเลยขอให้ 25,000 บาท จึงไม่ตกลงกัน เช่นนี้ นับว่ามิได้มีสัญญาต่อกันจำเลยไม่มีอำนาจแห่งมูลหนี้ที่จะฟ้องแย้งให้โจทก์ทำสัญญาเช่า ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่าเมื่อศาลเห็นว่า แม้เป็นจริงดังฟ้องแย้ง จำเลยก็ไม่มีทางชนะคดีตามฟ้องแย้ง ศาลยกฟ้องแย้งเสียเลยได้.
(เฉพาะปัญหาที่ 2 เป็นมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2508).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าช่วงตึกแถวพิพาทของโจทก์จากนายใช่หงำ นายใช่หงำส่งมอบตึกแถวคืนโจทก์ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยทำสัญญาเช่า ชำระค่าเช่าแก่โจทก์เพราะสัญญาหมดอายุ จำเลยเพิกเฉย และผิดนัดชำระค่าเช่า โจทก์บอกเลิกการเช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออกและอยู่โดยละเมิด ขอให้ขับไล่ และเรียกค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง หนังสือโต้ตอบ(หมาย ๑. และ ๒ ) ระหว่างโจทก์ – จำเลย เป็นการแสดงเจตนาระหว่างคู่กรณีว่า จะผูกพันในการทำสัญญาเช่า โจทก์ไม่ยอมทำ ถือว่าผิดสัญญาจึงฟ้องแย้งขอให้โจทก์ทำสัญญาเช่าให้จำเลย ๓ ปี และขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การ และพร้อมกันมีคำสั่งให้ยกฟ้องแย้ง ฯลฯ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้สั่งรับฟ้องแย้ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๓๑(๒),๑๓๓,๑๓๙ นั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า………….. ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยนั้น ศาลได้พิจารณาแล้ว…………….. จึงพร้อมกันมีคำสั่งให้ยกฟ้องแย้งเสียค่าธรรมเนียมเป็นพับ จึงเป็นปริยายว่าศาลชั้นต้นได้รับฟ้องแย้งไว้พิจารณา โดยมิได้มีการจำหน่ายคดีประการใด และเฉพาะฟ้องแย้งนั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาเสร็จแล้วจึงชี้ขาดฟ้องแย้งนั้น โดยทำเป็นคำสั่งให้ยกฟ้องแย้งเสีย ค่าธรรมเนียมเป็นพับ หาใช่เป็นการที่ศาลชั้นต้นสั่งให้คืนไป หรือสั่งไม่รับตามมาตรา ๑๘ ไม่
หนังสือหมาย ๑. ความว่า โจทก์ขอให้จำเลยไปพบเพื่อรับคำบอกกล่าวขับไล่หรือทำสัญญาเช่า แล้วแต่กรณีแสดงว่า ยังไม่มีสัญญาต่อกัน จึงไม่ใช่หลักฐานการเช่า และมิใช่คำเสนอจะทำสัญญาให้จำเลย ตามคำให้การฟ้องแย้งและหนังสือหมาย ๒. ที่ว่า จำเลยขอทำสัญญาเช่า โจทก์เรียกเงินกินเปล่า ๓๐,๐๐๐ บาท และชำระค่าเช่าที่ค้าง จำเลยขอให้ ๒๕,๐๐๐ บาท จึงไม่ตกลงกัน แสดงว่า คำสนองมีข้อความเพิ่มเติม มีข้อแก้ไขอย่างอื่นประกอบด้วย จึงมีสภาพเป็นคำบอกปัด ทั้งเป็นคำเสนอขึ้นใหม่ แต่ก็ไม่ตกลงกัน จึงเป็นอันสิ้นความผูกพันนับว่ามิได้มีสัญญาต่อกัน (ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๕๙ วรรค ๒,๓๕๗) เมื่อไม่มีสัญญา จำเลยย่อมไม่มีอำนาจแห่งมูลหนี้(สัญญา)ที่จะเรียกให้โจทก์ชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๔ โดยเฉพาะ จำเลยไม่มีอำนาจฟ้องให้โจทก์ทำสัญญาเช่าเมื่อไม่มีอำนาจฟ้อง การจะหมายเรียกให้โจทก์แก้คดีและดำเนินกระบวนพิจารณาอื่น ๆ ต่อไป ก็จะเป็นเพียงพิธี ไม่เกิดประโยชน์อันใด แต่กลับทำให้คดีค้างช้าโดยไม่มีเหตุสมควร ไม่เป็นธรรมแก่คู่ความอีกฝ่าย ศาลฎีกาโดยประชุมใหญ่เห็นว่า เมื่อศาลเห็นว่าแม้เป็นจริงดังฟ้องแย้ง จำเลยก็ไม่มีทางชนะคดีตามฟ้องแย้ง ศาลยกฟ้องแย้งเสียเลยได้ พิพากษายืน.

Share