คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดแยกกันเป็น2 ส่วน ส่วนแรกขอให้ปล่อยที่ดินกับบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินอันเป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์และส่วนที่สองขอให้ปล่อยทรัพย์ต่าง ๆรวม 7 รายการ ซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์แม้จะร้องขอรวมกันมา การที่จะอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้หรือไม่ ก็จะต้องถือทุนทรัพย์ของผู้ร้องแต่ละส่วน ซึ่งไม่เกี่ยวเนื่องกันและแยกออกจากกันได้ เมื่อคำขอส่วนที่สองซึ่งเป็นคดีเกี่ยวด้วยสังหาริมทรัพย์อันมีราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินสองหมื่นบาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนกรณีละเมิดจากจำเลยศาลชั้นต้นพิพากษาให้ดจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 22,000บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยค่าฤชาธรรมเนียม ต่อมาจำเลยทั้งสองไม่ยอมชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดบ้านเลขที่ 110/1 พร้อมด้วยที่ดิน และไม้กระดาน ไม้ตง โทรทัศน์จักรเย็บผ้า โต๊ะ ตู้ รถเข็น เตียงนอน รวม 10 รายการ โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์ของจำเลยที่ 2
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึด 10 รายการ นั้นเป็นของผู้ร้องรวม 8 รายการ ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดดังกล่าว
โจทก์ให้การว่า ทรัพย์สินที่ยึดทั้ง 10 รายการ เป็นของจำเลยที่ 2 ที่ดินจำเลยที่ 2 ซื้อจากนางเทือง อุ่นใจ บ้านจำเลยที่ 2ก็เป็นผู้ปลูก ทรัพย์รายการอื่น ๆ จำเลยที่ 2 ขนย้ายมาจากจังหวัดระยองบ้าง ทำมาหาได้ในภายหลังบ้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปล่อยทรัพย์พิพาทเฉพาะรายการที่ 2คือที่ดินแก่ผู้ร้องส่วนคำขออื่นให้ยก
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดแยกกันเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกขอให้ปล่อยที่ดินกับบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินอันเป็นคดีเกี่ยวด้ยอสังหาริมทรัพย์ และส่วนที่สองขอให้ปล่อยทรัพย์ต่าง ๆ รวม 7 รายการ ซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์แม้จะร้องขอรวมกันมา การที่จะอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้หรือไม่จะต้องถือทุนทรัพย์ของผู้ร้องแต่ละส่วนซึ่งไม่เกี่ยวเนื่องกันและแยกออกจากกันได้ สำหรับคำขอของผู้ร้องส่วนแรกที่เกี่ยวกับที่ดิน ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเป็นของผู้ร้อง โจทก์ไม่อุทธรณ์จึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว แต่คำขอส่วนที่สองซึ่งผู้ร้องและโจทก์พิพากษากันเป็นคดีเกี่ยวด้วยสังหาริมทรัพย์อันมีราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินสองหมื่นบาทเมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นทรัพย์ของจำเลยที่ 2 มิใช่ของผู้ร้องเช่นนี้ จึงต้องห้ามมิให้ผู้ร้องอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 เมื่ออุทธรณ์ของผู้ร้องในส่วนนี้เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1วินิจฉัยให้จึงเป็นการไม่ชอบ และเมื่ออุทธรณ์ต้องห้ามแล้วฎีกาของผู้ร้องดังกล่าวนี้ก็ถือได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249…”
พิพากษายืน.

Share