คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5768/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในชั้นบังคับคดี จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามคำร้องดังกล่าวไม่ปรากฏว่าการประมูลซื้อทรัพย์เป็นไปโดยไม่สุจริตอย่างไร จึงไม่มีเหตุที่จะให้เพิกถอนการขายทอดตลาด ดังนี้ เป็นการวินิจฉัยประเด็นตามคำร้องของจำเลยแล้วจำเลยชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 แต่จำเลยกลับยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องของจำเลยดังกล่าวใหม่ กรณีเช่นนี้หาได้มีบทกฎหมายรับรองให้จำเลยมีสิทธิจะกระทำได้ไม่ เพราะมิใช่การขาดนัดพิจารณาซึ่งอาจขอให้พิจารณาใหม่ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา197 วรรคสอง, 207 และ 208

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและสัญญาค้ำประกัน ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน ๒,๙๐๐,๗๒๑.๕๕ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยทั้งสองผิดนัด ศาลชั้นต้นบังคับคดียึดทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๒๗๑๔ ของจำเลยที่ ๑ ออกขายทอดตลาด ให้แก่นางเพ็ชรรัตน์ และนายพิศิษฐ์ ศรีวัฒนางกูร ในราคา๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดดังกล่าว อ้างว่าราคาที่ขายได้ต่ำไป โจทก์กับพวกสมรู้กันประมูลซื้อทรัพย์โดยไม่สุจริต ศาลชั้นต้นมีคำสั่งนัดพร้อม ถึงวันนัดจำเลยที่ ๑ไม่ไปศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เมื่อจำเลยที่ ๑ ยื่นคำคัดค้านการขายทอดตลาดอ้างว่าเป็นไปโดยมิชอบ ไม่มาศาลเพื่อจะได้สอบถามเช่นนี้ เห็นได้ว่าตามคำร้องดังกล่าวไม่ปรากฏว่าการประมูลซื้อทรัพย์เป็นไปโดยไม่สุจริตอย่างไร จึงไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาด ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้อง ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องฉบับเดิม ของจำเลยที่ ๑ใหม่ อ้างว่าในวันนัดพร้อม จำเลยที่ ๑ ติดธุระส่วนตัว ได้มอบให้ทนายความและจำเลยที่ ๒ ติดตามดูแลเรื่อง แต่ทนายความไม่เข้าห้องพิจารณาตามที่ศาลนัด ศาลจึงยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องว่า ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๓๑เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยที่ ๑ ไปตามประกาศการขายทอดตลาดวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๓๑ จำเลยที่ ๑ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการขายทอดตลาด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า สำเนาให้โจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีและนัดพร้อม ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๓๑ซึ่งเป็นวันนัดพร้อม จำเลยที่ ๑ ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ ๑ ซึ่งยื่นคำคัดค้านการขายทอดตลาดอ้างว่าเป็นไปโดยไม่ชอบ ไม่มาศาลเพื่อจะได้สอบถามเช่นนี้ เห็นว่าตามคำร้องดังกล่าวนั้นไม่ปรากฏว่าการประมูลซื้อทรัพย์เป็นไปโดยไม่สุจริตอย่างไร จึงไม่มีเหตุที่จะให้เพิกถอนการขายทอดตลาด ในวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๓๑ จำเลยที่ ๑ จึงได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องฉบับลงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๓๑ ของจำเลยที่ ๑ ใหม่ มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ ๑ ว่า จำเลยที่ ๑ จะขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องฉบับลงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๓๑ ของจำเลยที่ ๑ ใหม่ได้หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๓๑ ซึ่งเป็นวันนัดพร้อมเมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องของจำเลยที่ ๑ ที่ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดแล้วมีคำสั่งว่าตามคำร้องดังกล่าวไม่ปรากฏว่าการประมูลซื้อทรัพย์เป็นไปโดยไม่สุจริตอย่างไร จึงไม่มีเหตุที่จะให้เพิกถอนการขายทอดตลาดนั้นเป็นการวินิจฉัยประเด็นตามคำร้องของจำเลยที่ ๑ แล้วจำเลยที่ ๑ ก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๙ แต่จำเลยที่ ๑ กลับยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องของจำเลยที่ ๑ฉบับลงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๓๑ ใหม่ กรณีเช่นนี้หาได้มีบทกฎหมายรับรองให้จำเลยที่ ๑ มีสิทธิที่จะกระทำได้ไม่ เพราะมิใช่เป็นเรื่องการขาดนัดพิจารณาซึ่งอาจขอให้พิจารณาใหม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๙๗ วรรคสอง, ๒๐๗ และ ๒๐๘
พิพากษายืน.

Share