แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ป.พ.พ. มาตรา 609 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้การขนส่งไปรษณียภัณฑ์ในหน้าที่กรมไปรษณีย์โทรเลขอยู่ในบังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับสำหรับทบวงการนั้น ๆ การฝากส่งสิ่งของพัสดุไปรษณีย์กับจำเลย จึงต้องอยู่ภายใต้บังคับตาม พ.ร.บ.การสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2519 พ.ร.บ.ไปรษณีย์ พ.ศ.2477 และไปรษณีย์นิเทศ พ.ศ.2549 โดยอนุวัติตาม พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542 ประกอบ พ.ร.ฎ. กำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัทไปรษณีย์ไทย พ.ศ.2546 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่มีการฝากส่งสิ่งของนั้น
	เมื่อสิ่งของที่ฝากส่งเป็นสินค้าประเภทอัญมณีเครื่องประดับมีมูลค่าสูง แต่ผู้ฝากส่งสิ่งของใช้วิธีการส่งประเภทไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศ โดยระบุที่หีบห่อพัสดุว่า “STONE” และมิได้ระบุราคาสินค้าหรือแจ้งราคาสินค้าหรือได้ทำไปรษณีย์รับประกันระหว่างประเทศไว้กับจำเลย ซึ่งตามระเบียบการสื่อสารแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 43 ว่าด้วยบริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศ พ.ศ.2525 หมวดที่ 2 วัตถุประสงค์และหลักการข้อ 8 และระเบียบการสื่อสารแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 43 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1 พ.ศ.2530 ข้อ 8 กำหนดชนิดของสิ่งของที่จะส่งไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศไว้ อันแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ในการออกระเบียบดังกล่าวว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการควบคุมการส่งสิ่งของทางบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและเป็นสากล ไม่เปิดโอกาสให้มีการใช้วิธีการทางบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศฝากส่งสิ่งของต้องห้ามหรือต้องจำกัดการส่งออกไปยังปลายทางโดยปราศจากการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ของรัฐก่อนที่สิ่งของนั้นได้ถูกส่งถึงผู้รับยังปลายทางในต่างประเทศ ดังนั้น เมื่อผู้ฝากส่งส่งอัญมณีที่มิได้ระบุไว้ว่าเป็นสิ่งของต้องห้ามฝากส่ง แต่มีมูลค่าสูงเกินกว่าที่จะส่งได้ด้วยวิธีการส่งประเภทไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศโดยไม่ต้องปฏิบัติตามพิธีการทางศุลกากรก่อน ทั้งไม่ได้แจ้งราคาสิ่งของที่ฝากส่งด้วย จึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนระเบียบดังกล่าวโดยชัดแจ้ง ถือเป็นความเสี่ยงภัยของผู้ฝากส่งเอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน  ๘๓๓,๔๐๑  บาท  พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ  ๗.๕  ต่อปี  ของต้นเงิน  ๘๓๐,๕๐๐  บาท  นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
   	จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
   	ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้อง  ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
   	โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
   	ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า  ข้อเท็จจริงในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติว่า  จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด  มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ  มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการด้านไปรษณีย์และโทรคมนาคมทุกประเภททั้งในประเทศ  ระหว่างประเทศและนอกประเทศ  ตามหนังสือรับรอง  พระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ  พ.ศ.๒๕๔๒  การดำเนินการของจำเลยจึงต้องดำเนินการตามข้อบังคับ  ระเบียบ  คำสั่ง หนังสือสั่งการและประกาศของการสื่อสารแห่งประเทศไทย
นายอนุชา โดยนายอุ้มยศฝากส่งสิ่งของเป็นสินค้าประเภทเครื่องประดับอัญมณี  ทับทิมและพลอยเจียรนัย  น้ำหนักรวม  ๑,๖๑๖  กรัม  จำนวน  ๘,๐๘๐  กะรัต  เป็นเงิน  ๒๕,๐๐๐  ดอลลาร์สหรัฐ  ตามใบกำกับสินค้า โดยทางไปรษณีย์กับจำเลย  ณ  ที่ทำการไปรษณีย์ของจำเลย  โดยใช้บริการขนส่งทางอากาศ  ประเภทบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศเพื่อส่งให้แก่นายเอเจย์  ผู้รับปลายทางที่เมืองไจเปอร์  ประเทศอินเดีย  โดยระบุสิ่งของที่ฝากส่งว่า  “STONES”  ซึ่งเป็นสินค้า  (Merchandise)  จำนวน  ๑  หีบห่อ  น้ำหนัก  ๒,๐๑๒  กรัม  จำเลยรับฝากเป็นไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศหมายเลข  EE๐๖๓๔๔๕๒๔๔TH  โดยนายอนุชามิได้ระบุราคาในใบรับส่งพัสดุภัณฑ์  แต่สินค้าดังกล่าวนายอนุชาได้ทำสัญญาประกันภัยไว้กับโจทก์ในวงเงิน  ๒๕,๐๐๐  ดอลลาร์สหรัฐ  หรือเท่ากับ  ๘๙๘,๐๐๐  บาท ต่อมาถุงหีบห่อพัสดุภัณฑ์ระหว่างประเทศที่จำเลยส่งได้มาถึงสำนักงานไปรษณีย์ระหว่างประเทศ  เมืองไจเปอร์  ประเทศอินเดียแล้ว  ปรากฏว่าสินค้าที่นายอนุชาส่งได้สูญหายไม่ถึงผู้รับปลายทางที่ประเทศอินเดีย นายอนุชาได้เรียกร้องให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวแล้วเป็นเงิน  ๘๓๐,๕๐๐  บาท
     มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า  จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่  ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าสินค้าที่นายอนุชาส่งกับจำเลย  เป็นอัญมณีซึ่งไม่ได้ระบุเป็นเงื่อนไขในการฝากส่งไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศว่าเป็นสิ่งของที่ต้องห้ามฝากส่ง  ข้อ  ๒.๑  ถึง  ๒.๑๒  จึงไม่ต้องผ่านพิธีการทางศุลกากร  ทั้งสินค้าที่ส่งดังกล่าวยังส่งไปไม่ถึงผู้รับสินค้าที่ปลายทาง จึงไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จำเลยจะไม่ต้องรับผิดต่อผู้ฝากส่งตามประกาศของการสื่อสารแห่งประเทศไทย  จำเลยจึงไม่หลุดพ้นจากความรับผิด  นั้น  เห็นว่า  ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  ๖๐๙  วรรคหนึ่ง  บัญญัติให้การขนส่งไปรษณียภัณฑ์ในหน้าที่กรมไปรษณีย์โทรเลขอยู่ในบังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับสำหรับทบวงการนั้น ๆ  ดังนั้น  การที่นายอนุชาฝากส่งสิ่งของพัสดุไปรษณีย์ดังกล่าวกับจำเลย  จึงต้องอยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย  พ.ศ.๒๕๑๙  พระราชบัญญัติไปรษณีย์  พุทธศักราช  ๒๔๗๗  และไปรษณีย์นิเทศ  พ.ศ.๒๕๔๙  โดยอนุวัติตามพระราชบัญญัติทุน
รัฐวิสาหกิจ  พ.ศ.๒๕๔๒  ประกอบพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ  สิทธิ  และประโยชน์ของบริษัทไปรษณีย์ไทย  พ.ศ.๒๕๔๖  ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่มีการฝากส่งสิ่งของ  ข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความว่า  สิ่งของที่นายอนุชาฝากส่งกับจำเลยเป็นสินค้าประเภทอัญมณี เครื่องประดับ  มีมูลค่ารวม  ๒๕,๐๐๐  ดอลลาร์สหรัฐ  หรือเท่ากับ  ๘๓๐,๕๐๐  บาท  แต่นายอนุชาฝากส่งสิ่งของกับจำเลยในรูปของพัสดุไปรษณีย์โดยวิธีการส่งประเภทไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศ โดยระบุที่หีบห่อพัสดุว่า
“STONE”  และมิได้ระบุราคาสินค้าหรือแจ้งราคาสินค้าหรือได้ทำไปรษณีย์รับประกันระหว่างประเทศไว้กับจำเลย  โดยปรากฏตามระเบียบการสื่อสารแห่งประเทศไทย  ฉบับที่  ๔๓  ว่าด้วยบริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศ  พ.ศ.๒๕๒๕  หมวดที่  ๒  วัตถุประสงค์และหลักการข้อ  ๘  กำหนดไว้ว่า  ไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศ  ได้แก่  สิ่งของที่มีลักษณะเป็นข่าวสารทั่วไป  เอกสารธุรกิจการค้า  เอกสารหรือข้อมูลสำหรับเครื่องจักรสมองกล  สิ่งพิมพ์  ตัวอย่างสินค้า  สินค้าซึ่งมีราคาไม่เกิน  ๓,๐๐๐  บาท  ทั้งนี้  สิ่งของดังกล่าวตามวรรคหนึ่งจะต้องไม่มีลักษณะเป็นข่าวสารส่วนตัว  จดหมายส่วนบุคคล  หรือไม่เป็นของต้องห้ามส่งทางไปรษณีย์  หรือต้องจำกัดในการส่งออกหรือไม่เป็นสิ่งของต้องห้ามนำเข้าของประเทศปลายทาง  และระเบียบการสื่อสารแห่งประเทศไทย  ฉบับที่  ๔๓  แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่  ๑  พ.ศ.  ๒๕๓๐  ข้อ  ๘  กำหนดไว้ว่า  ไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศ  ได้แก่  สิ่งของทุกชนิดที่สามารถฝากส่งเข้าสู่ทางไปรษณีย์ตามปกติได้  เว้นแต่สิ่งของที่มีข้อกำหนดว่าจะต้องฝากส่งทางบริการใดบริการหนึ่งโดยเฉพาะ  หรือเป็นของต้องห้ามนำเข้าประเทศปลายทาง..นอกจากนั้น  สิ่งของที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขต่อไปนี้สามารถฝากส่งทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศได้โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบของพนักงานศุลกากรก่อน  คือ
     	๘.๑  ไม่เป็นของต้องห้ามในการส่งออก
   		๘.๒  ไม่เป็นของต้องจำกัดในการส่งออก  (การส่งออกต้องได้รับอนุญาตก่อน)
   		๘.๓  ไม่เป็นของต้องเสียอากรขาออกหรือค่าภาคหลวงหรือค่าภาษีการค้าในการส่งออก
   		๘.๔  การฝากส่งจากผู้ฝากรายหนึ่งไปยังผู้รับรายเดียวกันไม่ว่าจะมีจำนวนกี่ห่อ  มีราคาคราวหนึ่งไม่เกิน  ๑๐,๐๐๐  บาท
   		๘.๕  ไม่เป็นการส่งออกที่ขอคืนอากรหรือขอรับเงินชดเชยค่าภาษี
   		๘.๖  ไม่เป็นการส่งออกที่ขอใบสุทธิสำหรับนำกลับเข้ามาส่งของที่มิได้อยู่ภายใต้เงื่อนไขข้อ  ๘.๑ – ๘.๔  หากจะฝากส่งทางบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศก็สามารถกระทำได้ แต่จะต้องปฏิบัติพิธีการทางศุลกากรก่อน  เช่นนี้  แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ในการออกระเบียบดังกล่าวได้ว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการควบคุมการส่งสิ่งของทางบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและเป็นสากล  ไม่เปิดโอกาสให้มีการใช้วิธีการทางบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศฝากส่งสิ่งของต้องห้ามตามกฎหมายหรือต้องจำกัดการส่งออกไปยังปลายทางโดยปราศจากการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ของรัฐก่อนที่สิ่งของนั้นได้ถูกส่งถึงผู้รับยังปลายทางในต่างประเทศ  ดังนั้น  แม้ว่าสิ่งของที่นายอนุชาฝากส่งจะเป็นอัญมณีที่มิได้ระบุไว้ว่า เป็นสิ่งของต้องห้ามฝากส่งของ แต่สิ่งของที่ฝากส่งก็มีมูลค่าสูงเกินกว่าสิ่งของที่จะส่งได้ด้วย วิธีการส่งประเภทไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศโดยไม่ต้องปฏิบัติตามพิธีการทางศุลกากรก่อน  การที่นายอนุชาส่งสิ่งของที่มีมูลค่าสูงไว้ในพัสดุ
ไปรษณีย์ด้วยวิธีการส่งประเภทไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศโดยไม่ได้แจ้งราคาและดำเนินพิธีการทางศุลกากร  จึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนระเบียบดังกล่าวโดยชัดแจ้ง  ถือเป็นความเสี่ยงภัยของผู้ฝากส่งเอง  ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องมานั้น  ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วยในผล  อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น  คดีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์อีกต่อไป
   	พิพากษายืน  ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

